คณะสงฆ์อนุโมทนารับบิณฑบาตคืนหนังสือบุดล็อตใหญ่ พบเล่มสำคัญพระมาลัยวัดท่าโพธิ์วรวิหารอารามหลวงเจ้าอาวาสเตรียมขอรับคืนวัด-ตร.เผยเน้นขอคืนจากผู้ครอบครอง-รู้ตัวจริงกลุ่มก่อเหตุ 3 คนชัดแล้วรอหมายจับ วันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าในการติดตามหนังสือบุดจำนวนหลายร้อยเล่มที่ถูกโจรกรรมครั้งใหญ่จากศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ช่วงเช้าที่ผ่านมาคณะสงฆ์ศูนย์รับบิณฑบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยนครศรีธรรมราช ได้นำเอาหนังสือบุด ที่ถูกส่งมอบจากผู้ครอบครอบจากจังหวัดขอนแก่น เพชรบุรี มาร่วมเปิดต่อหน้าพระธรรมกิตติเมธี เจ้าคณะภาค 16-17-18 พระราชญาณมุณี เจ้าอาวาสวัดท่าโพธิ์วรวิหาร พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พระครูเหมเจติยาภิบาล พระสงฆ์ผู้ประสานงานศูนรับบิณฑบาต พร้อมด้วยนายแพทย์บัญชา พงศ์พานิช ผู้ระสานงานฆราวาส นายสมปอง รักษาธรรม รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช พลตำรวจตรีสนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมเปิดกล่องตรวจสอบหนังสือบุดที่ถูกส่งคืนจากผู้ครอบครอง โดยได้ซื้อไปจากกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้ขายที่เกี่ยวข้องกับโจรกรรม โดยคณะสงฆ์ได้ร่วมกันอนุโมทนากับกุศลให้การส่งคืน โดยพระครูเหมเจติยาภิบาล ได้เปิดกล่องใหญ่พบเป็นหนังสือบุดเล่มสำคัญคือ “พระมาลัย”วัดท่าโพธิ์วรวิหาร พระอารามหลวงอายุกว่า 200 ปี โดยมีพระราชญาณมุณี เจ้าอาวาสวัดท่าโพธิ์วรวิหารเข้าร่วมตรวจสอบ และแสดงเจตจำนงค์ขอรับหนังสือบุดของวัดท่าโพธิ์กลับไปอยู่ในความครอบครองของวัด และที่ผ่านมานับตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 2508 ไม่ทราบว่าสมบัติตกทอดของวัดชิ้นนี้ไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราชได้อย่างไร และถุกนำไปเมื่อไหร่ โดยการรวบรวมจำนวนหนังสือบุดจากผู้ที่ส่งมอบให้กับศูนย์รับบิณฑบาตหนังสือบุดสมุดข่อยในวันนี้แบ่งออกเป็นหนังสือบุดขาว หนังสือบุดดำ หนังสือบุดตีนช้าง รวมทั้งสิ้น 54 เล่ม นอกจากนั้น พันตำรวจโทจรินทร์ ขาวเอี่ยม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำหนังสือบุดที่ตรวจยึดได้จากบ้านของผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับได้คือนายฐิติพงศ์ ศิริเวช รวมทั้งการสอบสวนเครือข่ายที่ตามยึดคืนรวมทั้งมีการส่งคืนอีก 37 เล่ม และพบว่านอกจากหนังสือบุดยังมีดาบโบราณอายุกว่า 400 ปีเป็นชวา ดาบญี่ปุ่น และดาบไทยรวม 7 เล่มที่ถูกโจรกรรมจากศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไปด้วย โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดกลับมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันรูปพรรณว่าเป็นสมบัติของมหาวิทยาลัยราชภัฎ พลตำรวจตรีสนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่าในส่วนของคดีนั้นชัดเจนว่าลักทรัพย์รับของโจร ส่วนผู้ที่ลักทรัพย์นั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันว่าต้องการผู้ที่ก่อเหตุตัวจริง แต่เรื่องที่คำนึงถึงในขณะนี้คือพยายามที่จะติดตามทำอย่างไรให้ได้ของกลับคืนมา เร่งรัดเรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุดผู้ที่ครอบครองนั้นจากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ที่ครอบครองซื้อไปไม่ทราบว่าได้ไปโดยมิชอบ อยากเรียกร้องให้ส่งกลับคืนมา นอกจากนั้นพลตำรวจตรีสนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังว่าผู้ที่อยู่ในข่ายออกหมายจับในขณะนี้อาจมีถึง 3 ราย เป็นคนในทั้งหมด แต่ทั้งนี้ยังไม่เร่งรีบในการดำเนินการในขณะนี้ขอให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ส่วนจำนวนการครอบหนังสือบุดของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ยังไม่สามารถตอบคำถามถึงตัวเลขการครอบครองที่ชัดเจนได้ว่าทั้งหมดมีอยู่กี่พันเล่ม โดยนายสมผอง รักษาธรรม รักษาการอธิการบดี เปิดเผยว่าจะเร่งกลับไปดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จโดยเร็วรวมทั้งการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งบอกได้ว่าทิศทางของการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปในทิศทางเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามตัวเลขความเสียหายที่ถูกรายงานโดยนายธีรวัฒน์ ช่างสาน ผู้อำนวยกานศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ได้รายงานตัวเลขหนังสือบุดสูญหายไปทั้งหมด 309 เล่ม แบ่งจากตู้โชว์ใหญ่ 3 เล่ม ตู้โชว์นอกอีก 1 เล่ม และอยู่ในตู้จัดเก็บอีก 305 เล่ม โดยไม่ได้มีการรายงานจำนวนทั้งหมด และไม่ได้รายงานจำนวนอาวุธโบราณที่สูญหาย โดยอาวุธที่ยึดได้นั้นพบภายหลังว่าเป็นของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ที่ถูกโจรกรรมไปเช่นเดียวกัน