วันนี้(22ก.ค.63)พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ เชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)และแนวทางในการแก้ไขปัญหา ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร จังหวัดระนองและมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี โดยมีสภามหาวิทยาลัย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษาและหัวหน้าส่วนราชการร่วมต้อนรับ ณ อาคารคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
นายวิชัย ศรีขวัญ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อน มหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยพลังแผ่นดิน สร้างแผ่นดินด้วยภูมิปัญญาให้เป็นพลัง ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมสร้างพลังปัญญาของแผ่นดิน โดยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 20 19(COVID-19) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้กําหนดมาตรการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของนักศึกษา คณาจารย์ บุคลากร และประชาชน ใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านบุคลากรไม่อนุญาตให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยเดินทางไปต่างประเทศบุคลากรสายสนับสนุนให้ผู้บังคับบัญชาจัดทําแผนปฏิบัติงาน โดยให้สามารถปฏิบัติงานในที่พักได้ ต้องสวมหน้ากากอนามัย 100 % 2.ด้านอาคาร สถานที่จัดให้มีการทําความสะอาดฆ่าเชื้อโรคทุกวันภายในมหาวิทยาลัย จัดให้มีจุดคัดกรองบริเวณประตูทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัยทุกประตู ทุกอาคาร รวมถึงจัด ให้มีเจลแอลกอฮอล์ประจําทุกอาคาร 3.ด้านการจัดการเรียนการสอนให้ปรับกระบวนการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสมกับ ธรรมชาติรายวิชา โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีได้ผลิตเจลแอลกอฮอล์สําหรับใช้ล้างมือให้แก่หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยและสนับสนุนไปยังชุมชนท้องถิ่นหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการจัดโครงการจ้างงานประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19
ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี กล่าวว่า จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID -19 ส่งผลให้เกิดการตกงาน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในทุกระดับ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จึงดําเนินโครงการจ้างงานประชาชนผู้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมการบูรณาการ ผสานองค์ความรู้ สู่การสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยังยืน เน้นการสร้างคนให้เป็น “วิศวกรสังคม”โดยมีแผนการขับเคลื่อนให้ประชาชนลงพื้นที่เป็นวิศวกรสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้ มีการดำเนินงานโครงการจ้างงานประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรั COVID-19 อันเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม หรือ อว. และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พร้อมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เกิดการจ้างงาน สร้างสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ในพื้นที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ที่มีการสร้างระบบแนวคิดแบบใหม่ในการพัฒนชุมอย่างยั่งยืน โดยใช้ทรัพยากรในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทางมหาวิทยาลัยมีแนวคิดในการปรับชุมชนเป็นห้องเรียน เปลี่ยนบัณฑิตราชภัฏเป็นวิศวกรสังคม ซึ่งคำว่าวิศวกรสังคม นั้น จะสร้างให้นักศึกษามีการวิเคราะห์เป็นระบบและสามารถลงพื้นที่ใชุมชนสร้างความเชื่อมโยงต่อชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในการพัฒนาประเทศ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4 ประการ คือ 1. นักศึกษาต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล เห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2. คือการนำความรู้ที่เรียนไปใช้ประโยชน์ให้กับชุมชนได้อย่างไร สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับชุมชนได้ 3.คือการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้งสามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และ 4. คือต้องมีทัษะในการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้
นายวิชัย ศรีขวัญ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อน มหาวิทยาลัยให้เป็นมหาวิทยาลัยพลังแผ่นดิน สร้างแผ่นดินด้วยภูมิปัญญาให้เป็นพลัง ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมสร้างพลังปัญญาของแผ่นดิน โดยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 20 19(COVID-19) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้กําหนดมาตรการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของนักศึกษา คณาจารย์ บุคลากร และประชาชน ใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านบุคลากรไม่อนุญาตให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยเดินทางไปต่างประเทศบุคลากรสายสนับสนุนให้ผู้บังคับบัญชาจัดทําแผนปฏิบัติงาน โดยให้สามารถปฏิบัติงานในที่พักได้ ต้องสวมหน้ากากอนามัย 100 % 2.ด้านอาคาร สถานที่จัดให้มีการทําความสะอาดฆ่าเชื้อโรคทุกวันภายในมหาวิทยาลัย จัดให้มีจุดคัดกรองบริเวณประตูทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัยทุกประตู ทุกอาคาร รวมถึงจัด ให้มีเจลแอลกอฮอล์ประจําทุกอาคาร 3.ด้านการจัดการเรียนการสอนให้ปรับกระบวนการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสมกับ ธรรมชาติรายวิชา โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีได้ผลิตเจลแอลกอฮอล์สําหรับใช้ล้างมือให้แก่หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยและสนับสนุนไปยังชุมชนท้องถิ่นหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการจัดโครงการจ้างงานประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19
ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี กล่าวว่า จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID -19 ส่งผลให้เกิดการตกงาน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในทุกระดับ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จึงดําเนินโครงการจ้างงานประชาชนผู้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมการบูรณาการ ผสานองค์ความรู้ สู่การสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยังยืน เน้นการสร้างคนให้เป็น “วิศวกรสังคม”โดยมีแผนการขับเคลื่อนให้ประชาชนลงพื้นที่เป็นวิศวกรสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้ มีการดำเนินงานโครงการจ้างงานประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรั COVID-19 อันเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม หรือ อว. และมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พร้อมหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เกิดการจ้างงาน สร้างสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ในพื้นที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ที่มีการสร้างระบบแนวคิดแบบใหม่ในการพัฒนชุมอย่างยั่งยืน โดยใช้ทรัพยากรในชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทางมหาวิทยาลัยมีแนวคิดในการปรับชุมชนเป็นห้องเรียน เปลี่ยนบัณฑิตราชภัฏเป็นวิศวกรสังคม ซึ่งคำว่าวิศวกรสังคม นั้น จะสร้างให้นักศึกษามีการวิเคราะห์เป็นระบบและสามารถลงพื้นที่ใชุมชนสร้างความเชื่อมโยงต่อชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรในการพัฒนาประเทศ โดยมีคุณลักษณะหลัก 4 ประการ คือ 1. นักศึกษาต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล เห็นปัญหาเป็นเรื่องท้าทาย 2. คือการนำความรู้ที่เรียนไปใช้ประโยชน์ให้กับชุมชนได้อย่างไร สามารถสื่อสารองค์ความรู้ที่เรียนเพื่อนำไปแก้ปัญหาให้กับชุมชนได้ 3.คือการทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยปราศจากข้อขัดแย้งสามารถที่จะระดมกำลังไม่ว่าจะภายในท้องถิ่นหรือนอกท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นได้ และ 4. คือต้องมีทัษะในการสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นได้