วันที่ 21 ก.ค.63 สำหรับความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนตำแหน่งที่ว่าง 6 ตำแหน่งประกอบด้วย รองนายกฯ, รมต.ประจำสำนักนายกฯ, รมว.คลัง, รมว.พลังงาน ,รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรมว.แรงงาน โดยความเคลื่อนไหวพรรคพลังประชารัฐ ในการเสนอชื่อรัฐมนตรีในโควตาพรรคให้นายกฯพิจารณา โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ถนนรัชดา ได้มีการประชุมส.ส.พรรค ประจำสัปดาห์ ที่มีนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคเป็นประธาน โดยหารือถึงผู้ที่เหมาะสมและที่ประชุมส.ส.ได้มีมติเสนอ 5 คน ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เป็น รวม.พลังงาน นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค เป็น รมว. อุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรค เป็นรมว.แรงงาน และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์​ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ส.ส.ส่วนใหญ่ ยังเสนอให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรับตำแหน่งเป็น รมว.มหาดไทย โดยเห็นว่าเพื่อให้การทำงานในพื้นที่เป็นไปอย่างราบรื่นไม่ติดขัด และประสานฝ่ายการเมืองได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ส.ส.ในพื้นที่ดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง และถือเป็นการขยายฐานเสียงให้กับพรรค เพื่อให้เป็นพรรคอันดับ 1 ต่อไป ต่อมา 15.40 น.พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณา 5 รายชื่อรัฐมนตรี ตามมติส.ส.พรรค ซึ่งพล.อ.ประวิตร แจ้งที่ประชุมว่า "ในการปรับครม.นายกฯให้โควต้าพรรค 2-3 คน ในการปรับครม.ครั้งนี้ หรือจะได้มากกว่านี้ก็แล้วแต่นายกฯ โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นตำแหน่งอะไรบ้าง" ซึ่งที่ประชุมได้มีการแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง รวมถึงการเสนอให้ทั้ง 5 คน เขียนแต่รายชื่อ โดยไม่ต้องระบุตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันนายกฯ ทั้งนี้ที่ประชุมยังไม่มีความชัดเจน กรณีที่นายสุริยะ จะไปดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า "ใครจะเสนอใครกี่ตำแหน่งก็เสนอไป แต่เรื่องการสลับตำแหน่งเป็นเรื่องของนายกฯเป็นผู้พิจารณาแต่ผมไม่ขอรับตำแหน่งรมว.มหาดไทย แต่ให้เสนอรายชื่อที่เป็นโควตาพรรค รวม 5 คนไปตามกลไกของที่ประชุม ส.ส." นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้มีคำสั่ง ห้ามกรรมการบริหารพรรคทุกคนให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมติวันนี้ พร้อมทั้งยังได้ตำหนิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ที่ออกมาเคลื่อนไหว เสนอชื่อนายสุริยะ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน เมื่อวานนี้ โดย พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า หากใครไม่เชื่อฟัง ต่อไปนี้ก็จะมีการลงโทษอีกด้วย