ดีแต่ยุยง สร้างความแตกแยก! “แรมโบ้อีสาน” ซัด “อ๋อย-อ้วน” ปมโพสต์เฟซส่อหนุน "กลุ่มเยาวชนปลดแอก" ไล่รบ. ถามกลับ ต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือมีนัยทางการเมืองอื่นแอบแฝง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.กระทรวงศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นักศึกษา “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้สำเร็จ ว่า ขณะนี้ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งแล้ว อีกทั้งนายกฯและสภาฯ ไม่ได้ทำผิดพลาดเสียหายอะไร ตรงกันข้ามนายกฯได้ทำงานอย่างหนักในการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติมาโดยตลอด ซึ่งก็เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์และทั่วโลกให้การยอมรับชื่นชมในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ประเทศไทยกำลังเกิดวิกฤต ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นายกฯ และรัฐบาลก็กำลังแก้ไขปัญหา และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่กลับมีผู้ใหญ่ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ของน้อง ๆ นักศึกษา เป็นคนเดือนตุลา และเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เรียกหาแต่ความแตกแยก โพสต์เฟซบุ๊คในลักษณะที่สนับสนุนให้น้อง ๆ นักศึกษาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล พร้อมกันนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า การโพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ เพื่อต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือมีนัยทางการเมืองอื่นแอบแฝง โดยอาศัยจังหวะความเคลื่อนไหวของนักศึกษาในขณะนี้ เพราะก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรมและนายจาตุรนต์ ก็เคยระบุไว้ว่า อยากตั้งพรรคการเมืองใหม่ จึงอยากให้มีการยุบสภาฯ เร็วขึ้น เพื่อที่กลุ่มของตนจะได้ลงสนามเลือกตั้งใหม่ให้เร็วขึ้นเช่นนั้นหรือ โดยไม่สนใจปัญหาความแตกแยกวุ่นวายของบ้านเมือง ขอเพียงกลุ่มพวกตนได้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งใช่ไหม บางทีความเป็นผู้อาวุโสทางการเมือง ต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์ มีความอดทนอดกลั้น อย่าให้กิเลสมาครอบงำจิตใจ จนทำให้ความคิดมาทำลายบ้านเมืองที่กำลังเกิดวิกฤตโควิด “แทนที่จะช่วยกันเตือนสติรุ่นน้อง ให้หันมาร่วมมือช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง กลับมีวิธีคิดที่จะยุยง เช่นนี้ ผมถือว่า เป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้ อยากมีอยากได้อำนาจเกินไป จนไม่สนใจที่จะทำให้บ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าสมองคิดแต่ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายเช่นนี้ มีนัยอะไรแอบแฝงร่วมกับคณะก้าวหน้า นายธนาธร, นายปิยะบุตร และ น.ส. พรรณิการ์ หรือไม่ สังคมอาจสงสัยได้ จึงขอเตือนทั้งสองท่านไว้ว่า ระวังจะเสียผู้ใหญ่ตอนแก่ เก็บความนับถือศรัทธาไว้ให้คนในสังคมบ้าง อย่าให้คนในสังคมเสื่อมศรัทธาไปมากกว่านี้ จนไม่มีที่ยืนในสังคมเหลืออีกเลยครับ" นายสุภรณ์ กล่าว.