แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะบอกกับ หนังสือพิมพ์หลายสำนัก ในช่วงที่เดินสายเยี่ยมสื่อ ถึงสำนักพิมพ์ พบระดับเจ้าของ และ บรรณาธิการ ว่า การปรับ คณะรัฐมนตรี จะมีขึ้น หลัง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 ผ่านสภาฯ เพราะตามไทม์ ไลน์ คือ ราวเดือน ก.ย.- ต.ค. เลยทีเดียว ท่ามกลาง การจับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะลากยาว ยื้อไปได้ถึงเวลานั้น เลยหรือไม่ เพราะนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่า “การปรับครม. เริ่มตั้งแต่นี้ เป็นต้นไป” การเมือง ก็ยิ่งเข้มข้น เพราะถือว่า เป็นการส่งสัญญาณ ปรับ ครม. ที่ชัดเจนที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกอย่าง ชัดเจนขึ้น ตั้งแต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่” ไปนั่งเก้าอี้ “หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ”อย่างเป็นทางการ ตั้งเต่ 27 มิ.ย. 2563 เรื่อยมา จากนั้น “ 4 กุมาร” อันเป็นฉายาของ อุตตม สาวนายน รมว.คลัง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษาฯ และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาฯนายกฯ ก็ถูกสะกิด ให้ลาออก จาก สมาชิกพรรค พลังประชารัฐ เมื่อ 9 ก.ค.2563 หลังอุตตม พ้นเก้าอี้ หัวหน้าพรรค สนธิรัตน์ พ้น เลขาธิการพรรค และไม่ได้เป็น กรรมการบริหารพรรค เมื่อ พล.อ.ประวิตร ยึดพรรคคืน ยึดเก้าอี้พรรคแล้วนั่งเอง ตามมาด้วย การออกมาไลบี้ ของ สส.พปชร. ให้สมคิด และ 4 กุมาร ลาออกจาก รัฐมนตรี พร้อมประกาศว่า 4 เก้าอี้ รัฐมนตรีนี้เป็นโควต้าของ พรรคพลังประชารัฐ โดยที่ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ หลังรัฐบาลทำงานมา 1 ปี ก็จะต้องดูว่า ต้องคืนโควต้าให้พรรค พปชร.หรือไม่ เพราะตอนตั้งรัฐบาล ทางพรรค ให้เป็นโควต้า นายกฯ หรือโควตากลาง ที่สุด สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่บ่นมาตลอดว่า “พร้อมที่จะไปมาหลายปีแล้ว” ก็เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอลาออก โดยให้เหตุผล เรื่องสุขภาพ และต้องการพักผ่อน เพราะช่วยงานนายกฯ มาตั้งแต่ ยุค คสช. ถือฤกษ์ 15 ก.ค.2563 ครบ 1 ปี รัฐบาล “ประยุทธ์ 2/2” พอดี เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ นำ ครม. เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศ เมื่อ 16 ก.ค. 2563 และจากนั้น ทั้ง “4 กุมาร” ก็ยื่นใบลาออกตาม พร้อมกับใบลาออกของ สมคิด ท่ามกลางกระแสข่าวว่าถูกสะกิดให้ลาออก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ “ทีมเศรษฐกิจใหม่” แล้ว ! เพราะมีรายงานข่าว “ปรีดี ดาวฉาย” ตอบรับ ที่จะมาเป็น “รมว.คลัง” แล้ว หลังจากที่เคยปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะมีการเสนอให้ เป็น รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ด้วย เหล่านี้ ล้วนเป็น ปัจจัย ที่ทำให้การปรับ ครม. ต้องเกิดเร็วขึ้น แม้ว่า สไตล์ พล.อ.ประยุทธ์ มักจะให้ ปลัดกระทรวง หรือ รมช. ทำงานแทน รมว. ไปก่อน ก็ตาม. แต่หากต้องรอถึง ก.ย. ก็อาจจะยาวนานเกินไป ยิ่งเป็นห้วงเวลาสำคัญ ที่ต้องเร่งฟื้นเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย แม้แผนเดิม ต้องการจะทูลเกล้าฯโผ ครม. ในช่วง ก.ย. พร้อมๆกับ โผโยกย้ายทหาร ที่ทำตามฤดูกาลปกติ ก็ตาม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องปรับแผนใหม่ เป็น ราวต้นเดือนถึงกลางเดือน ส.ค. นี้เลย เพราะในส่วนของ โผโยกย้ายทหาร ครั้งใหญ่ครั้งนี้ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็จัดในส่วนหัว ในระดับ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ เรียบร้อยแล้ว โดยได้มีการหารือ กับ ผบ.เหล่าทัพ อย่างไม่เป็นทางการ แล้ว ท่ามกลางการจับตามองว่า จะมีการ ทูลเกล้าฯโผทหาร ในระดับ ผบ.เหล่าทัพ ใหม่ ทั้ง 4 ตำแหน่ง เลยหรือไม่ แต่คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะทำตามขั้นตอนปกติ เพราะนัดแนะให้ ผบ.เหล่าทัพ ส่งบัญชีรายชื่อโยกย้าย ทั้งหมด ในต้นเดือน ส.ค. นี้ จากนั้น จะนัดประชุม วงเล็ก ของ คณะกรรมการ “7 เสือกลาโหม” ตามพ.ร.บ.กลาโหม ในการให้ความเห็นชอบโผทหาร คือ มี รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ทั้งนี้ โผทหารส่วนหัว ลงตัว แล้ว ตามสูตรเดิม คือ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร (เตรียมทหาร 21) เป็น ผบ.สูงสุด คนใหม่ แถมมีอายุราชการ ถึง ต.ค.2566 เช่นเดียวกับ “บิ๊กบี้” พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่เกษียณ2566 ที่จะเป็น 2 ผู้นำกองทัพ ที่เป็น ทหารคอแดง และเป็นนายทหารใน ฉก.ทม.รอ.904 และเป็น รุ่นน้อง ตท.21 และตท.22 ที่ “บิ๊กแดง” พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ผลักดัน และสนับสนุน มาตลอด และจะเป็น นายทหาร ที่ทำหน้าที่ ปกป้องสถาบัน และ สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป ขณะที่ “บิ๊กอุ้ย” พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. คาดว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ทร. คนใหม่ ที่ก็เป็น เตรียมทหารรุ่น20 เพื่อนของ พล.อ. อภิรัชต์. และ รวมทั้ง “บิ๊กจ้อ” พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผู้ช่วย ผบ.ทอ. ที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ ด้วย ท่ามกลาง การจับตามองว่า หลังเกษียณแล้ว พล.อ.อภิรัชต์ ที่ยืนยันว่า ไม่มีต่ออายุราชการ แน่นอน จะไปทำอะไร หลังมีกระแสข่าว จะได้ทำหน้าที่สำคัญ สานต่อ จากการที่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ตอนที่เป็น ผบ.ทบ. ส่วน ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 นั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ เมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. จะรับหน้าที่นี้ โดยตำแหน่ง จากที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็น รองผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็น นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็ก ราชวัลลภรักษาพระองค์ ในปัจจุบัน โดยการจัดโผทหารครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมจัดด้วย เพราะมีรายงานว่า ทั้ง “บิ๊กกบ” พล.อ. พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้หารือ กับพล.อ.ประวิตร อยู่เนืองๆ ในระยะนี้ ที่สำคัญ อีกตำแหน่ง ที่จะเกี่ยวโยง ทั้งการปรับ ครม. และโผทหาร ก็คือ รมช.กลาโหม หลังมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเปลี่ยน รมช.กลาโหม โดยให้ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ไปพักผ่อน เพราะทำงานหนัก มาตลอด หลายปี ตอนเป็น ปลัดกลาโหม ที่ช่วยงาน พล.อ.ประวิตร ตอนเป็น รมว.กลาโหม และมาในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น รมว.กลาโหม อีก โดยนั่งเป็น รมช.กลาโหม มา3 ปีแล้ว โดยมีข่าวสะพัดในกองทัพว่า พล.อ.ประยุทธ์ เล็ง “บิ๊กเล็ก” พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.น้องรักไว้ ที่จะให้ลาออก ก่อนเกษียณ 2564 มาเป็น รมช.กลาโหม ช่วยงานเต็มตัว หลังจากที่ช่วยงานมาตั้งแต่ ในทบ. มายุค คสช. และ มา ศบค. อีกทั้ง ในกองทัพ ไม่มีตำแหน่งที่เหมาะสม เหมาะเจาะให้ พล.อ.ณัฐพล อีกด้วย จะให้เป็น รองผบ.ทบ. เป็นปีที่3 ก็จะไม่เหมาะนัก เพราะ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทบ. แต่ก็ต้องรอดู การตัดสินใจของ พล.อ.ณัฐพล ว่าพร้อมจะลาออก หรือไม่ อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ก็ยังอยากให้ พล.อ.ชัยชาญ ทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมาทำได้ดี เพราะทั้งการจัดโผ ครม. และ โผทหาร ก็อยู่ในมือ “2 ป. พี่น้อง” วัน ยันค่ำ ในการจัดวาง ให้สอดรับกัน