คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ขณะนี้คนทั่วโลกกำลังจับตาดูกันว่า ใครคือผู้ที่จะได้รับชัยชนะให้เข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไประหว่าง “อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน” กับ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” อนึ่งข่าวด่วนที่แทบจะไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ โดย “มร.ชาลี กาสปาริโอ” นักข่าวอาวุโสช่องฟอกซ์นิวส์ได้ออกมานำเสนอว่า “ได้รับข่าวนี้มาจากแหล่งข่าวที่ทำงานให้กับแกนนำของพรรครีพับลิกันว่า หากคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่กระเตื้องดีขึ้น เขาอาจจะยกธงขาวยอมแพ้ก็เป็นได้” ทั้งนี้ มร.ชาลี กาสปาริโอ ยังได้กล่าวเสริมจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อีกว่า “ขณะนี้จิตใจของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่นิ่งมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง” โดยข่าวนี้ได้เป็นตัวจุดประกายตามสื่อต่างๆทันทีและได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่ากรณีนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่? อย่างไรก็ตามขณะนี้สำนักโพลชื่อดังระดับเกรดเอสองสำนัก นั่นก็คือ RealClearPolitics ได้เปิดเผยว่า อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังมีคะแนนนำเหนือประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 9.2% ส่วนโพลที่ได้รับเชื่อถือสูงอีกสำนักหนึ่งคือ “FiveThirtyEight” ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากผลเฉลี่ยขณะนี้โจ ไบเดน กำลังมีคะแนนนิยมนำหน้าประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 9.1% เท่ากับว่าผลของสองโพลนี้ใกล้เคียงกันมากทีเดียว โดยเมื่อเดือนมีนาคม อดีตรองประธานาธิบดีไบเดน เคยมีคะแนนนิยมนำประธานาธิบดีทรัมป์อยู่แค่เพียง 5.5% แต่เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมการเสียชีวิตของ “จอร์จ ฟลอยด์” ชายผิวสีที่ถูกตำรวจผิวขาวนายหนึ่งใช้หัวเข่ากดลงบนคอของเขานานกว่าแปดนาทีจนทำให้เขาเสียชีวิต และเรื่องนี้ถือเป็นตัวจุดกระแสให้อเมริกันชนออกมาประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรม จนมีผลทำให้ปรอททางการเมืองพุ่งสูงปรี๊ดติดต่อกันมาเกือบสองเดือนแล้วอีกทั้งทำให้คะแนนนิยมของโจ ไบเดนพุ่งสูงขึ้นทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย!!! แต่อย่าลืมว่าก่อนหน้าที่โดนัลด์ ทรัมป์จะได้รับชัยชนะเลือกเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2016 นั้น เขาต้องผ่านมรสุมทางการเมืองมาอย่างโชกโชนแสนสาหัสหลายครั้งหลายครา แต่เขาก็พยายามดิ้นรนทำทุกวิถีทางจนสามารถเอาตัวรอดมายืนชูคอได้ตราบจนทุกวันนี้ ทว่าประธานาธิบดีทรัมป์พยายามส่งสัญญาณแก้ตัว เพื่อหาทางออกล่วงหน้าเอาไว้แล้ว หากเขาแพ้การเลือกตั้ง โดยเขาจะแก้ตัวในข้อที่ว่า “แพ้การเลือกตั้งเพราะถูกโกง” และเป็นที่น่าสังเกตว่าจากการรายงานของหนังสือพิมพ์ “USA Today” เมื่อวันจันทร์นี้เปิดเผยว่าจะมีวุฒิสมาชิกแกนนำของพรรครีพับลิกันหลายคน อาทิเช่น วุฒิสมาชิกมิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกลามาร์ อเล็กซานเดอร์และวุฒิสมาชิกซูซาน คอนลินส์ จะไม่ไปเข้าร่วมประชุมใหญ่ของพรรคที่ฟลอริดาที่จะมีระหว่างวันที่ 24-27 สิงหาคมที่กำลังถึงนี้ซึ่งนับว่าเป็นการส่งสัญญาณเสียงแตกอย่างเห็นได้ชัดในพรรค อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีนักวิเคราะห์ทั้งหลายแหล่เริ่มขยับเนื้อขยับตัวออกมาทำนายกันบ้างแล้ว!!! อดีตที่ผ่านมาผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ที่สำนักหยั่งเสียงต่างๆรวมถึงนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการเมืองได้ออกมาฟันธงคอนเฟิร์มในครั้งนั้นว่า “ฮิลลารี คลินตัน”จะได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐ แต่การทำนายกลับพลิกล็อกถล่มทลายหักปากกาจนเห็นน้ำตาเซียนไหลหยดติ๋งๆ!!! แต่ก็ยังมีนักวิชาการที่โด่งดังท่านหนึ่งและนักสร้างภาพยนตร์ผู้ทรงอิทธิพลผ่าเหล่าผ่ากอออกมาทำนายผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 แบบผู้คนพากันขบขันหัวเราะเยาะเย้ยว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” จะได้รับชัยชนะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว โดยนักวิชาการและผู้สร้างภาพยนต์ที่กล่าวถึงก็คือ “ดร. อัลแลน ลิทช์แมน”นักประวัติศาสตร์จาก American University แห่งกรุงวอชิงตัน และ “ไมเคิล มัวร์” นักผลิตภาพยนตร์ชื่อดังกระฉ่อนที่เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้ว และเขายังมีพรสวรรค์พิเศษเป็นทั้ง นักเขียนหนังสือ นักโต้วาที นักกิจกรรมด้านการเมืองระดับแนวหน้า อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการจัดอันดับว่า เป็น 1ใน 100 ของผู้มีอิทธิพลระดับโลก!!! สำหรับ “ดร.อัลแลน ลิทช์แมน” นั้น จากสถิติปรากฏว่า เขาทำนายได้อย่างถูกต้องมาแล้ว 8 ครั้งในจำนวน 9 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 1984 โดยเขาชี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังอยู่ในโหมดแพ้การเลือกตั้ง ดูได้จากในรัฐแอริโซนา เพราะเท่าที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 1996 พรรคเดโมแครตไม่เคยได้รับชัยชนะ แต่ขณะนี้โจ ไบเดนกำลังมีคะแนนนำอยู่ รวมถึง รัฐฟลอริดา วิสคอนซิน และเพนซิเวลเนีย ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยได้รับชัยชนะ แต่กลับปรากฏว่าตอนนี้อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังนำอยู่หลายขุม และล่าสุดนี้ ดร.ลิทช์แมน ได้ออกมาชี้ว่า ปัญหาอันแสนเลวร้ายของโรคระบาดโควิด 19 จนทำให้ยอดของคนอเมริกันถึงวันพุธนี้ต้องเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 140,000 คน มีผลทำให้อเมริกันชนเกิดระส่ำระสายรู้สึกว่าตนเองขาดความปลอดภัย อีกทั้งอเมริกันชนยังสัมผัสได้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สามารถบริหารจัดการกับวิกฤติครั้งนี้ได้ดีเพียงพอ และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจด้วย อีกทั้งดร.ลิทช์แมนชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งเพราะโจ ไบเดนกำลังนำอยู่ 9% แถมคะแนนนิยมของเขาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งไม่เคยสูงเกินกว่า 50% เลยแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับไมเคิล มัวร์ นักสร้างภาพยนต์ขั้นเทพได้ชี้ว่า “โอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับชัยชนะนั้น มองๆไปแล้วแทบไม่มีเลย ยกเว้นแต่ว่าเขาจะใช้กลโกงในการเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องเหล่านี้คงจะอยู่ในสมองของประธานาธิบดีทรัมป์แล้วกระมัง” นอกจากนั้นแล้ว ไมเคิล มัวร์ ยังมีความรู้สึกเป็นกังวลว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะเลื่อนการเลือกตั้ง โดยยกเอาปัญหาโรคระบาดโควิด-19 มาเป็นข้อกล่าวอ้าง” ทั้งนี้โจ ไบเดนได้ออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีสิทธิที่จะเลื่อนหรือชะลอการเลือกตั้งได้ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องตั้งหน้าตั้งตาดูกันต่อไป เพราะประธานาธิบดีทรัมป์คงจะต้องใช้กลเม็ดที่แสนแยบยล และขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังเสียเปรียบโจ ไบเดนอยู่หลายช่วงตัวนั้น ยังปรากฏอีกว่าหนังสือที่ “ดร.แมรี ทรัมป์” นักจิตวิทยา ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆของเขาเป็นผู้เขียนชนะคดีที่โดนประธานาธิบดีทรัมป์ฟ้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งมิให้หนังสือเล่มนี้เผยแพร่ออกสู่ท้องตลาดแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ โดยศาลอนุญาตให้เธอจำหน่ายหนังสือได้ ซึ่งขณะนี้หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาแล้วกว่าหกแสนเล่มที่มีชื่อว่า “มากเกินไปและไม่เพียงพอ: วิธีที่ครอบครัวของฉันสร้างมนุษย์ที่แสนอันตรายที่สุดในโลก” โดยเธอเขียนในหนังสือตอนหนึ่งว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มีพฤติกรรมประจำตัวในการพูดปดมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ สืบเนื่องมาจากต้องการเอาตัวรอด”จากบิดาที่เป็นนักเผด็จการ ทั้งนี้จากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ USA Today ของวันที่ 1 มิถุนายน 2019 ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ครองแชมป์ในการเป็นทั้งโจทก์และจำเลยมามากกว่า 3,500 คดี ทั้งในระดับศาลรัฐบาลกลาง และ รัฐบาลท้องถิ่น จากการรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2019 ที่เผยแพร่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์แพ้คดีในศาลวันเดียวกันถึง 5 คดี โดยที่เขามิได้แสดงอาการวิตกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย อาจจะเนื่องมาจากความเคยชินในการเป็นนักต่อสู้คดีต่างๆในศาลอย่างโชกโชนแล้วก็เป็นได้ กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นเมื่อชั่งน้ำหนักจากการทำนายของดร.อัลแลน ลิทช์แมน แล้วว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ขณะนี้กำลังอยู่ในโหมดดวงอับอาจจะต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้ง อีกทั้งผู้กำกับภาพยนต์ไมเคิล มัวร์ ก็ยังชี้ไปในทิศทางเดียวกันที่ว่า โอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับชัยชนะนั้น มองๆไปแล้วแทบไม่มีเลย ยกเว้นแต่ว่าเขาจะใช้กลโกงในการเลือกตั้ง ซึ่งจากพฤติกรรมที่ผ่านๆมาของเขาในแง่ที่ว่า ชอบที่จะเอาความดีเข้าหาตัว แต่มักจะยื่นเอาความชั่วให้ผู้อื่น ดังนั้นสัญญาณการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงในไม่กี่เดือนนี้ ส่อเค้าออกมารางๆแล้วว่า อาจจะเกิดความวุ่นวายสับสนอลเวง สืบเนื่องมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คงจะพยายามดิ้นรนทำทุกๆวิถีให้ได้รับเลือกอีกหนึ่งสมัยละครับ