ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แม้จะเริ่ม “รีสตาร์ท” มาถึงช่วงโค้งสุดท้าย ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรอีกแล้ว สำหรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยอดทีมขวัญใจมหาชนทั่วทุกประเทศ โดยเฉพาะเหล่าสาวก ที่ต่างอิ่มเอมใจ ที่ทีมโปรดยุติการรอคอย คว้าแชมป์ในรอบ 30 ปี และแม้แชมป์จะได้บทสรุปไปเป็นที่เรียบร้อย แต่การแย่งลุ้นจบอันดับท็อปโฟร์ยังขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น กับสองโควตาสุดท้ายที่เหลือ ที่ผ่านมาต้องยอมรับกว่า กว่า 30 ปี “หงส์แดง” ได้ผ่านศึกการฟาดแข้งมาอย่างโชกโชน ได้แค่ “เบียด”กับ “เฉียด”ที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่ได้ “เจอร์เกน คล็อป” ยอดกุนซือชาวเยอรมันมาปลุกเร้า สร้างทีมขึ้นมาใหม่ กระทั่งพาเข้าชิงทั้งถ้วยลีกคัพ ยูโรป้า ลีก และ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แต่เป็นได้แค่ฝัน เพราะตกม้าตายแพ้หมด จนคนเริ่มสงสัยว่า ตกลง “เจอร์เกน คล็อป”มันของจริงหรือของปลอมกันแน่ แต่จนแล้วจนรอดการได้แค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีก ในปี2017-2018 สร้างแรงกระตุ้นผลักดันให้ทีมยิ่งโกยไปข้างหน้า อัพเกรดให้เก่ง และแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม สามารถกวาด 3 แชมป์ในช่วง 6 เดือนได้อย่างสวยงาม เริ่มจากยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ตามด้วยแชมป์สโมสรโลก ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ตอกย้ำให้เห็นกันชัด ๆ ว่า ปี 2019 คือ ปีทองของทีม “หงส์แดง” อย่างแท้จริง หากถามว่าจุดเปลี่ยนของการคว้าแชมป์ มาจากจุดไหน “แฟนบอล” หลายคนคงพูดได้อย่างเต็มปากคือ เกม “พลิกนรก”ถล่ม “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนาได้ได้อย่างสวยงาม 4-0 แซงเข้าชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนลีก ด้วยประตูรวม 4-3 และพวกเขาสามารถเอาชนะ”ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ในเกมนัดสุดท้าย ด้วยผลประตูรวม 2 – 0 คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปครอง ชนิดที่แฟน ๆ ต้องหลั่งน้ำตาให้กับความสำเร็จของทีมที่พวกเขาโหยหามานาน ทำให้ทุกคนเชื่อมั่น เกิดแรงศรัทธาในตัวกุนซือ ว่า “ความยิ่งใหญ่” อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม และหลังจากวันชนะบาร์เซโลนาและเข้าไปคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ลิเวอร์พูลก็เปลี่ยนไป นักเตะเกือบทั้งทีม เก่งกาจ กลายเป็นโคตรบอล มีทั้งความเหนือชั้น ทั้งแข็งแกร่ง “อลิซอน” กับ “เวอร์จิล ฟานไดค์” เป็นประตูกับกองหลังอันดับ 1 ของโลก “เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์” คือ แบ็กขวาในฝันยกระดับขึ้นเป็นนักเตะระดับโลก “ซาดิโอ มาเน่” ก็ก้าวพรวดกระโดดขึ้นเป็นกองหน้าเวิลด์คลาสเต็มตัว รวมทั้ง “โมซาลา” ที่สร้างชื่อจากปีกธรรมดาๆ กลายเป็นสุดยอดกองหน้าของโลก นอกจากความยอดเยี่ยมในสนามแล้ว ยังส่งผลต่อธุรกิจนอกสนามด้วย เสื้อแข่งชุดเหย้าของหงส์แดง กลายเป็นเสื้อบอลขายดีที่สุดในอังกฤษ ขายได้มากกว่าเสื้อแมนฯยูฯ 3 เท่า แม้แต่เสื้อประตูสีดำของอลิซอน ก็ยังฮิตเว่อร์ ๆ ขายดีกว่าเสื้อชุดเหย้าของทีมอย่างเอฟเวอร์ตัน นิวคาสเซิล หรือเวสต์แฮมซะด้วยซ้ำ ภาพรวมทั้งหมดชี้ชัดว่า “หงส์แดง” กำลังก้าวสู่ยุคทอง และเป็นช่วงที่น่าจะใกล้เคียงกับ “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ดสมัย “เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” เป็นกุนซือ ซึ่งจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง เล่นยังไงก็เป็นแชมป์ อย่างไรก็ตาม “สำนักข่าว BBC” ของอังกฤษ เปิดเผยข้อมูล-สถิติ ที่น่าสนใจของ “ลิเวอร์พูล” ในช่วง 30 ปี ก่อนจะคว้าแชมป์ในครั้งนี้ โดยพบว่าหมดเงินไปกับความพยายามของสโมสรกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท กว่าจะได้แชมป์ที่รอคอย โดยย้อนเวลาไปตั้งแต่ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกเมื่อปี ค.ศ.1989/1990 “ลิเวอร์พูล” เปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมไปทั้งหมด 8 คน เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1990-1991 “เคนนี่ ดัลกลิช” ปี ค ศ.1991-1994 “แกรม ซูเนสส์” ปี ค.ศ.1994-1998 “รอย อีแวนส์” ปี ค ศ.1998 “อีแวนส์ - เจร์ราร์ด อุลลิเยร์” ปี ค.ศ.1998-2004 “เจร์ราร์ด อุลลิเยร์” ปี ค.ศ. 2004-2010 “ราฟาเอล เบนิเตซ” ปี ค.ศ.2010-2011 “รอย ฮอดจ์สัน” ปี ค.ศ.2011-2012 “เคนนี่ ดัลกลิช” ปี ค.ศ. 2012-2015” แบรนเดน รอดเจอร์ส” และปี ค ศ. 2015-ปัจจุบัน “เจอร์เกน คล็อป” และนับตั้งแต่คว้าแชมป์สมัยที่ 18 ในฤดูกาล 1990-91 จนถึงการคว้าแชมป์สมัยที่ 19 ในฤดูกาล 2019-2020 “หงส์แดง” ใช้เงินไปประมาณ 1,470 ล้านปอนด์ หรือประมาณ. 56,429 ล้านบาท โดยฤดูกาลที่ใช้เงินสูงที่สุด 3 ฤดูกาล คือ ปี 2018-2019 จำนวน 163.98 ล้านปอนด์ รองลงมาคือ ปี 2017-2018 จำนวน 156.49 ล้านปอนด์ ปี 2014-2015 จำนวน 136.29 ล้านปอนด์ ตั้งแต่ฤดูกาล 1990-91 เปฺ็นต้นมา “หงส์แดง” มีนักเตะในทีมรวมทั้งสิ้น 239 คน นักเตะคนแรกที่ซื้อในฤดูกาล 1990-91 คือ “รอนนี่ โรเซนธาล” ที่ซื้อจาก “สตองดาร์ด ลีแอช” ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ และนักเตะคนล่าสุดที่ซื้อคือ “ทาคุมิ มินามิโนะ” ที่ 7.25 ล้านปอนด์ แต่ช่วงระหว่างปี 2005-2008 ในยุคของ “ราฟาเอล เบนิเตซ” มีการซื้อมากที่สุดคือ 40 คน ใน 3 ฤดูกาล ส่วน “นักเตะ” ที่ลงสนามมากที่่สุดคือ “เจมี่ คาราเกอร์” กองหลังเด็กปั้นของสโมสร ภักดีกับสโมสรอย่างมาก ลงสนามมากสุดถึง 508 นัด ส่วน “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” กัปตันทีมคนปัจจุบันติดท็อปเทนลง 266 นัด นักเตะที่ยิงได้มากที่สุดระหว่างปี 1990-1991 ถึงปัจจุบัน คือ “ร็อบบี้ ฟาวเลอร์” ยิงไป 128 ประตู ในการร่วมทีมสองครั้ง ส่วน นักเตะชุดปัจจุบัน “ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต ฟิร์มิโน่” ล้วนติดท็อปเทนทั้งหมด นอกจากนี้ ยังระบุข้อมูลว่า “หงส์แดง” เก็บแต้มจากคู่แข่งอย่าง “ไก่เดือยทอง” ได้มากที่สุดคือ 108 คะแนน จากการพบกัน 60 ครั้ง ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ส่วนการเก็บแต้มจากสโมสรร่วมเมือง เก็บแต้มจาก “เอฟเวอร์ตัน” ได้ 105 คะแนน และ “เวสต์แฮม” 101 แต้ม การคว้าแชมป์ในครั้งนี้ของ “หงส์แดง” ได้เพิ่มยอดรวมแชมป์ลีกสูงสุดมาเป็น 19 สมัย ตามหลัง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เจ้าของสถิติแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุดตลอดกาล 20 สมัย เหลือเพียงแค่สมัยเดียวเท่านั้นและอีกไม่นาน สถิติแชมป์ลีกสูงสุด จะตกเป็นของ “หงส์แดง” ในไม่ช้า