นายกฯขอโทษปมทหารอียิปต์

"บิ๊กตู่" ขอโทษคนไทยปล่อย "ทหารอียิปต์" ติดเชื้อในพื้นที่ระยอง พร้อมสั่งทบทวนมาตรการทั้งหมด จน กว่าจะปิดช่องโหว่ได้ ยันยังไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์รอบ 2 "รองผบ.ทบ." แจงเป็นความผิดส่วนบุคคลลักลอบออกนอกพื้นที่กักตัวไม่เกี่ยวระบบ "หมอทวีศิลป์"รับศบค.หนีความรับผิดชอบไม่ได้ ยันเกิดจากความ"หละหลวม " เผยที่ประชุมศบค.สั่งยกเลิก 8 เที่ยวบินอียิปต์-ชะลอกลุ่มวีไอพีเข้าประเทศแล้ว ขณะที่วันนี้พบคนไทยติดเชื้อเพิ่ม7ราย มาจากอียิปต์-สหรัฐฯ ด้าน"บิ๊กป๊อก" แจงย้ายผวจ.ระยอง ไม่เกี่ยวเซ่นพิษโควิด ชี้เป็นการย้ายตามวงรอบ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีพบทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 เดินทางเข้าพื้นที่จ.ระ ยอง โดยไม่กักตัว ว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นเหตุการณ์ที่จ.ระยอง เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เกิดจากความไม่เคารพกติกาไม่มีวินัยไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวมและมีการโทษกันไปมา ซึ่งตนในฐานะผอ.ศบค. ขอรับผิดชอบในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ได้สั่งให้ไปตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทั้งการลงทะเบียนเข้าออกและการตรวจเชื้อเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกคนสบายใจมากที่สุด พร้อมสั่งศบค.ทบทวนมาตรการผ่อนคลายต่างๆ รวมทั้งกรณีของสถานทูตฯ และทูตต่างๆ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ขณะเดียวกันในส่วนการบินเข้า-ออก ไม่ว่าเป็นเครื่องทหารหรือใครก็ตามต้องทำตามระเบียบเคร่งครัด นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืน ทั้งนี้ได้มอบกระทรวงต่างประเทศไปหารือกับสถานทูตฯแล้ว และตอนนี้ให้ระงับเที่ยวบินไม่ให้เข้ามาอีกจนกว่าแก้ปัญหาได้ ยืนนันรัฐบาลไม่หยุดยั้งมาตรการด้านสาธารณสุข ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขของเรา ย้ำว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ตนเสียใจและขอโทษประชาชนคนไทยด้วย ซึ่งหลายปัญหาเป็นสิ่งไม่คาดคิดและได้เน้นย้ำที่ประชุมครม.และศบค.ให้ทบทวนมาตรการต่างๆ เพราะมีผลกระทบความปลอดภัยต่อประชาชนโดยรวม นอกจากนี้สิ่งที่เป็นกังวลอีกเรื่องคือขณะนี้หลายพื้นที่การ์ดตก ทั้งในส่วนของประชาชนและสถานประกอบการต่างๆ จึงให้มีการกวดขันให้ตรวจตราโดยเฉพาะผับ บาร์ สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน หากไม่แก้ไขก็ให้ปิดทันที เพราะกำหนดมาตรการไปแล้วถ้าไม่แก้ไขก็ต้องยกเลิกไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องนี้จะกลับมาล็อกดาวน์ใหม่หรือไม่ คงยังไม่ถึงล็อกดาวน์ทั้งหมด แต่จะหามาตรการเข้มข้นในจุดที่มีปัญหา โดยเรื่องนี้ต้องทบทวนก่อนและต้องหามาตรการที่เหมาะสมกับ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามสอบสวนโรคอยู่ อีกทั้งทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกคนถ้าไม่ทำตามระเบียบก็จะมีปัญหาหมด วันนี้สั่งการเข้มงวดทุกพื้นที่ ขณะที่เรื่องรับนักท่องเที่ยวต้องไม่ผลีผลาญไม่เช่นนั้นเกิดปัญหา นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องป.ป.ช. เอาผิดศบค.ทั้งคณะฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่เหตุการณ์ทหารอียิปต์ ว่า เป็นเรื่องฟ้องร้องไปตามกระบวนยุติธรรม แต่ขอให้เป็นธรรมด้วยในการฟ้องอะไรต่างๆ ต้องดูครบทุกมิติด้วย เมื่อถามว่า ถึงขั้นแบล็กลิสต์คนอียิปต์กลุ่มดังกล่าวที่ฝ่าฝืนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดแบล็กลิสต์ และเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่มีส่วนเกี่ยวกับพิจารณาต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในศูนย์ ศบค. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความผิดส่วนบุคคล ที่ลักลอบออกไปนอกพื้นที่ที่กำหนด ถือเป็นการกระทำฝ่าฝืนส่วนบุคคล ไม่ได้เกิดจากความหละหลวมหรือความผิดพลาดของระบบ เพราะจากการตรวจสอบพบว่าทุกหน่วยงานทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า จากกรณีดังกล่าวที่ประชุมศบค. มีมติ 3 ข้อ คือ 1. ทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะคู่สมรส บิดา มารดาหรือบุตรของบุคคลดังกล่าว 2.ให้กระทรวงต่างประเทศยกเลิก การอนุญาต การบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ จำนวน 8 เที่ยวบิน 3.ให้ชะลอการอนุญาต การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร แบบผ่อนคลายมาตรการ State quarantine เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนรับคนต่วงชาติเข้ามา จึงขออภัยประชาชนจ.ระยอง และกทม.ขออภัยอย่างสูง ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว "ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดพบลูกเรือ 10% สวมหน้ากากอนามัย ขณะออกนอกเคหสถาน โดยวันที่ 10 ก.ค. ลูกเรือ 27 คน รวมผู้ติดเชื้อได้เดินไปห้างแหลมทอง เวลา 11.00-14.59 น. และกลับโรงแรม โดยผู้ติดเชื้อสวมหน้า กากขณะออกไปข้างนอก นอกจากนี้ ลูกเรืออีก 4 คน ไม่รวมผู้ติดเชื้อ ได้เหมารถแท็กซี่ไปห้างเซ็นทรัลระยอง เวลา 14.00-18.00 น. โดยขากลับได้โทรศัพท์เรียกรถแท็กซี่คันเดิมไปรับ โดยขณะนี้ได้เรียกรถแท็กซี่มาสอบสวน โรคแล้ว ซึ่งหลังสอบสวนโรค ได้แบ่งผู้สัมผัสใกล้ชิดเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 9 ราย คือ 1.โรงแรม DVaree 7 ราย ได้แก่ ผู้จัดการ 2 ราย Sale 1 ราย เจ้าหน้าที่ 4 ราย 2.สนามบิน เป็นคนขับรถตู้ 2 ราย ขณะที่ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 9 ราย คือ ทีม CDCU หรือ หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ และทีมตรวจเข้า" นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบคณะดังกล่าวไม่ได้ออกนอกโรงแรมในช่วงเวลากลางคืน และคณะนี้ไม่ใช่วีไอพี เป็นเพียงคณะลูกเรือ และส่วนใกญ่กรณีเช่นนี้จะพักกันที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ มีเพียงคณะนี้เท่านั้นที่มาลงที่สนามบินนานาชาติ อู่ตะเภา ดังนั้นศบค.จะเป็นผู้รับผิดชอบ "เรื่องนี้ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งเราพบว่ามีความหละหลวม คือ สถานทูตฯติดต่อโรงแรมที่พักโดยตรง นำไปสู่การเข้าพัก แล้วศบค.รับทราบทีหลัง แต่ก็ไม่ละเลยจึงทำให้ตรวจพบในครั้งนี้ ศบค.จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่ที่คาดการณ์ไม่ถึงไม่รู้ว่ามีรายละเอียดมาก หลังจากนี้ก็จะต้องปรับปรุง ตนในฐานะโฆษกศบค.ยืนยันว่าทุกภาคส่วนทำงานอย่างหนัก จึงเห็นความเข้มแข็งของการพบผู้ติดเชื้อ นี่คือระบบของการตรวจสอบของมดงานในพื้นที่ ที่ทำงานได้อย่างดี ต้องขอชื่นชม ตนที่อยู่ในศบค.จะมองภาพใหญ่ แต่ต้องพึ่งคนในพื้นที่ ดูภาพย่อยแล้วนำมาประกอบกัน เพื่อปกป้องประเทศของเรา และขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่จะทำความเข้าใจและให้โอกาสพวกเราทำงาน หากมีอะไรไม่สบายสามารถแจ้งเข้ามาได้ เรายินดีพัฒนาปิดจุดอ่อนต่างๆได้ดีที่สุด" นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศ ว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย โดยเดินทางกลับจากประเทศอียิปต์ 6 ราย และสหรัฐฯ 1 ราย และได้เข้าพักใน State Quarantine แล้ว รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,227 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม คงที่ 58 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย รวมยอดรักษาหาย 3,091 ราย และ ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 78 ราย ทั้งนี้ ประเทศไทยปลอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 50 แล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศบค.พบทหารอียิปส์ติดเชื้อทางจังหวัด ได้มีการสั่งปิดพื้นที่ ทั้งห้างดัง ที่ทหารไปเดินเที่ยว โรงแรม ที่พัก รวมทั้งโรงเรียน เพื่อตรวจสอบอย่างระเอียดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบให้ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯจ.ระยอง โดยให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯจ.นครปฐมแทน โดยคาดว่ามาจากกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด เข้าพักในพื้นที่จนเกิดปัญหา ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการ 36 ราย โดยเฉพาะการโยกย้ายผู้ว่าฯ จ.ระยอง ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ จ.นครปฐม ว่า เป็นการโยกย้ายตามวงรอบ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และมีการเตรียมการมานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ทางด้าน ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) ออกมากล่าวเตือนว่า รัฐบาลของหลายๆ ประเทศดำเนินการผิดทางในการจัดการกับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ทำให้การรับมือกับวิกฤติการแพร่ระบาดข้างต้นอย่างไม่เหมาะสม โดย ดร.กีบรีเยซุส ยังระบุด้วยว่า ทางการของหลายๆ ประเทศ ไม่ใช้กลยุทธ์ที่ครอบคลุม ในการที่จะมุ่งเป้าระงับการแพร่เชื้อโรคและช่วยชีวิตผู้คน ส่งผลให้สถานการณ์วิกฤติการแพร่ระบาดยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นไปเรื่อยๆ และจากสถานการณ์วิกฤติการแพร่ระบาดดังกล่าว จะยังทำให้โลกไม่สามารถหวนคืนสู่วิถีชีวิตดั้งเดิมในช่วงเวลาอนาคนอันใกล้นี้ พร้อมกันนี้ นายไมเคิล ไรอัน ผอ.โครงการฉุกเฉินด้านสุขภาพแห่งองค์การอนามัยโลก ยังกล่าวเสนอแนะต่อบรรดาทางการของประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ว่า จำเป็นที่จะต้องปิดเมือง หรือล็อกดาวน์ ในบางพื้นที่ที่สถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงจนเกินความควบคุม ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 13,240,715 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 575,601 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 7,707,191 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 3,479,483 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 138,247 ราย