กระทรวงพลังงานเตรียมปรับแผนพีดีพีรอบใหม่ หลังจากยอดใช้หดตัวตามตลาดโลกที่พิษโควิด-19 ส่งผลการใช้พลังงานโลกหดตัวสูงสุดในรอบ 70 ปี หวั่นกระทบต้นทุนค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้น ปตท.มั่นใจนำเข้าแอลเอ็นจีราคาสปอตลดค่าไฟปีนี้กว่า 3 พันล้านบาท นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมมนาทิศทางพลังงานประเทศไทยหลังวิกฤติโควิด จัดโดยคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎรว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการใช้พลังงานให้ลดลง ซึ่งสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ประเมินว่าการใช้พลังงานของโลกปี 2563 จะลดลงมากที่สุดในรอบ 70 ปี แม้ว่าราคาและปริมาณความต้องการใช้ล่าสุดจะขยับขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ แต่ความเสี่ยงของการระบาดรอบใหม่ทำให้ไออีเอ ประเมินว่าการใช้น้ำมันจะยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติปีนี้ และการใช้ไฟฟ้าของโลกหดตัวร้อยละ 5 มากสุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจ 2473 (Great Depression 1930S) โดยในส่วนของไทยลดลงหนักเช่นกัน ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ของปีนี้ การใช้น้ำมันลดลงร้อยละ 13.4 ไฟฟ้าลดลงร้อยละ 3.8 ซึ่งกระทรวงพลังงานกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยพบว่าช่วงหลังคลายล็อกดาวน์ความต้องการใช้พลังงานเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่หากมีการระบาดรอบ 2 จะเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะเตรียมพร้อมสำหรับปรับแผนพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว 20 ปีฉบับใหม่ (ร่างแผนพีดีพี 2021)คงจะต้องปรับไตรมาส 1/2564 ทั้งนี้โควิด-19 กระทบหนักต่อเศรษฐกิจและกำลังติดตามว่ากรณีระยองที่มีการปิดสถานที่ต่างๆอีกรอบ จากกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อและไม่ยอมกักตัวจะกระทบภาพรวมของประเทศ ซึ่ง บมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) มีแผนหนุนการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนการใช้พลังงานที่ลดลงก็จะนำมาสู่การทบทวนแผนพีดีพีฉบับใหม่และอีก 4 แผนพลังงานหลักของประเทศในไตรมาส 1 ปีหน้า สำหรับกระทรวงพลังงานได้ดำเนินงานหลายด้านเพื่อลดผลกระทบโควิด-19 เช่น การลดราคาเชื้อเพลิง การคืนเงินประกันไฟฟ้า การเร่งก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมถึงการสนับสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในส่วน กฟผ.,ปตท.ลงทุนปี 2563-2565 รวม 1.1 ล้านบาท นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ และโฆษก กฟผ.กล่าวว่า การใช้ไฟฟ้าที่ลดลงทำให้สำรองไฟฟ้าของประเทศเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 35-40 ตัวเลขการเฉลี่ยต่อหน่วยไฟฟ้าก็ลดลง ทำให้ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงพลังงานร่วมแก้ไขส่วนนี้ทั้งส่งเสริมการส่งออกไฟฟ้าไปประเทศเพื่อนบ้านการส่งเสริมพลังงานทดทน โดย กฟผ.จะมีการลงทุนสายส่งรองรับส่วนนี้ประมาณ 120,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า รวมทั้งส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าชุมชน ทั้งการส่งเสริมห้องเย็นเก็บผลไม้ โดยจะค่าไฟฟ้าราคาพิเศษ รวมทั้งแผนปลดโรงไฟฟ้าเก่าอีกด้วย นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ยอดใช้พลังงานลดลงแน่นอนตามตัวเลขประมาณการณ์จีดีพีของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ลดลงประมาณกว่าร้อยละ 5 ซึ่งจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้ราคาพลังงานลดลง ทั้งแอลเอ็นจี (ก๊าซธรรมชาติเหลว) และราคาก๊าซอ่าวไทย/เมียนมา ส่วนนี้จะมีผลดีทำให้ราคาก๊าซเฉลี่ยผลิตไฟฟ้าลดลงในรอบ4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ลดผลกระทบจากต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นจากยอดใช้ที่ลดลง นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปตท.กล่าวว่า ในส่วนของความต้องการก๊าซลดลงร้อยละ 7-8 ในช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งการที่ ปตท.เตรียมนำเข้าแอลเอ็นจีราคาตลาดจรปีนี้ 11 ลำ คาดว่าต้นทุนค่าไฟฟ้าจะลดลงกว่า 3,000 ล้านบาท หรือ 1.50 สตางค์ต่อหน่วย จากที่ขณะนี้นำเข้ามาแล้ว 7 ลำ โดย 5 ลำแรกราคาเฉลี่ย 2.50 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ต่ำสุดที่ 1.80 เหรียญ/ล้านบีทียู ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงกว่า 2,000 ล้านบาท หรือ 1.04 สตางค์ต่อหน่วย และเพื่อเพิ่มศักยภาพการค้าก๊าซในภูมิภาคนี้ (LNG HUB) ปตท.ยังวางเป้าหมายจำหน่ายไตรมาส 3/2563