เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ก.ค.63 ที่บริเวณด้านหน้าตึกกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ถนนวิภาวดีฯ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายเอกณัฏฐ์ นาสวน , นายณัฐนรินทร์ ด่านสถาพร และนายกฤษฎา กาชัย พร้อมของกลางที่ได้จากการขยายผลการจับยาเสพติดและ พ.ร.บ.ติดตามยึดทรัพย์ มีอาวุธปืน , โทรศัพท์มือถือ , รถยนต์ รถจักรยานยนต์และสร้อยทอง รวมมูลค่ากว่า 1,300,000 บาท และยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากคดีการจับกุมกัญชาน้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม ในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว และพื้นที่ จ.สระบุรี ซึ่งการติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ยิงต่อสู้กับตำรวจเพื่อเปิดทางหลบหนี เหตุเกิดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็น 1 ในขบวนการที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะรับงานขนยาเสพติดจากภาคอีสาน เข้ามาในพื้นที่ภาคกลางเพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าได้รับจ้างขนส่งยาเสพติดเป็นครั้งแรก และเคยเป็นผู้เสพยาเสพติดมาก่อน โดยได้ค่าจ้างประมาณ 50,000 บาท ส่วนอีก 2 คน ได้ให้การปฏิเสธอ้างว่าเป็นช่างแต่งรถซิ่งเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นในการส่งยาเสพติด ซึ่งก็เป็นสิทธิที่ผู้ถูกกล่าวหาจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า กลุ่มนี้ได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง มีหลักฐานการสืบสวนและเส้นทางการเงินค่อนชัดเจน และพบว่าเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้มีประวัติเคยเสพยาเสพติด หรือเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกหลอก ให้ไปลักลอบลำเลียงยาเสพติดเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง ซึ่งมีตั้งแต่ 500-50,000 บาท ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า เพราะหากถูกจับกุมก็ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต
นอกจากนี้ทางตำรวจภูธรภาค 1 ยังได้ติดตามจับเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.สระบุรี ในช่วงวันที่ 27 มีนาคม ถึง 11 มิถุนายน ได้อีกหลายคดี ซึ่งมีทั้งผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพในพื้นที่ พร้อมติดตามยึดทรัพย์สินเพิ่มเติม รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมดกว่า 2,700,000 บาท
พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า ได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็น 1 ในขบวนการที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะรับงานขนยาเสพติดจากภาคอีสาน เข้ามาในพื้นที่ภาคกลางเพื่อส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าได้รับจ้างขนส่งยาเสพติดเป็นครั้งแรก และเคยเป็นผู้เสพยาเสพติดมาก่อน โดยได้ค่าจ้างประมาณ 50,000 บาท ส่วนอีก 2 คน ได้ให้การปฏิเสธอ้างว่าเป็นช่างแต่งรถซิ่งเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นในการส่งยาเสพติด ซึ่งก็เป็นสิทธิที่ผู้ถูกกล่าวหาจะให้การอย่างไรก็ได้ แต่จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า กลุ่มนี้ได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง มีหลักฐานการสืบสวนและเส้นทางการเงินค่อนชัดเจน และพบว่าเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้มีประวัติเคยเสพยาเสพติด หรือเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกหลอก ให้ไปลักลอบลำเลียงยาเสพติดเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง ซึ่งมีตั้งแต่ 500-50,000 บาท ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า เพราะหากถูกจับกุมก็ต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต
นอกจากนี้ทางตำรวจภูธรภาค 1 ยังได้ติดตามจับเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.สระบุรี ในช่วงวันที่ 27 มีนาคม ถึง 11 มิถุนายน ได้อีกหลายคดี ซึ่งมีทั้งผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพในพื้นที่ พร้อมติดตามยึดทรัพย์สินเพิ่มเติม รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมดกว่า 2,700,000 บาท