ไม่โลภไม่ถูกหลอกเป็นไปได้อย่างไรร้านทองทำโปรโมชั่นขายทองแค่บาทละ 17,776 บาท อยากได้ผ่อนรายวัน 1 สลึง 4,444 บาท เท่านั้น ชาวบ้านและแม่ค้าตลาดหัวดงเกือบยกหมู่บ้านเป็นเหยื่อติดเบ็ด ครั้งแรกทดสอบซื้อแค่ 1 สลึง ก็ได้ทองมาใส่ บอกกันปากต่อปากมีเงินเท่าไหร่แห่ทุ่มซื้อสุดท้ายรู้ว่าถูกหลอกต้มตุ๋นจนเปื่อย ยกพวกแห่แจ้งความแน่นโรงพัก ส่วนผู้ต้องหาใจดีสู้เสือยังไม่หนีติดต่อมอบตัวพร้อมชดใช้ยอมรับตอนนี้ยังไม่มีจะขอผ่อนชำระให้ วันที่ 12 ก.ค. 2563 ที่ สภ.เมืองพิจิตร พ.ต.ท.ธีรยุทธ รอดขาว รองสารวัตรสอบสวนสภ.เมืองพิจิตร เปิดรับแจ้งความหลังจากที่มีกลุ่มชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นแม่ค้าและแม่บ้านรวมถึงอาชีพอื่นๆ จาก ต.หัวดง อ.เมืองพิจิตร รวมตัวกันมาแจ้งความว่าพวกตนมีทั้งหมดประมาณ 40 กว่าราย แต่วันนี้รวมตัวกันได้ประมาณ 30 กว่าคน ที่รู้ตัวว่าถูกหลอกและพร้อมที่จะเดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี กับ น.ส.เมย์ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นชาว ต.หัวดง เป็นแม่ค้าขายขนมออนไลน์ แต่ตั้งตัวเองว่ามีเพื่อนเป็นเจ้าของร้านทองกำลังทำโปรโมชั่นบ้านแชร์กินดอก ด้วยการชักชวนว่า ถ้าใครอยากลงทุนแล้วมีกำไร ซื้อทองคำเริ่มต้นครึ่งสลึง 2,222 บาท , ทองคำหนัก 1 สลึง 4,444 บาท , ทองคำหนัก 2 สลึง 8,888 บาท , ทองคำหนัก 1 บาท 17,776 บาท จากนั้นบรรดาเหยื่อทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นแม่ค้าในตลาดสดหัวดงก็สนใจจึงเริ่มลงทุนด้วยการโอนเงิน 2,222 บาท แต่ต้องรอ 3 วัน ก็ได้ทองคำหนัก 1 สลึงมาจริง... จากนั้นก็เริ่มบอกต่อๆกันปากต่อปากจากลงทุนครั้งแรกซื้อทองคำหนัก 1 สลึง ก็ได้ทองคำเห็นกำไรงามก็เริ่มลงทุนขอซื้อทองคำหนัก 1 บาท ในราคา 17,776 บาท ก็ได้เป็นทองคำแท่ง ทุกคนเริ่มตาโตเห็นดอกผลกำไรงามก็เริ่มทุ่มเทเงินหลักแสนเพื่อหวังจะได้กำไรแต่สุดท้าย น.ส.เมย์ ( นามสมมุติ) ก็ผลัดวันประกันพรุ่งเพราะหมุนเงินไม่ทัน สุดท้ายบรรดาผู้เสียหายทนไม่ไหวและรู้ตัวว่าเราถูกหลอกเสียแล้ววันนี้จึงได้รวมตัวกันมาแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตรเพื่อให้ตำรวจติดตามตัวแม่ค้าออนไลน์ขายโปรโมชั่นทองคำราคาถูก ลวงโลกรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป ผู้สื่อข่าวจึงได้โทรด้วยระบบเฟซบุ๊คติดต่อไปยัง น.ส.เมย์ (นามสมุติ)ก็รับสายและพูดคุยด้วยดี โดยยอมรับว่าตนเองใช้เฟซบุ๊คโฆษณาเชิยชวนว่าโปรทองคำแท้ๆ 96.5%รับทองคำของจริง สนใจทักมาโอนเงินมารอ 3 วัน ก็จะได้ทองคำตามที่โฆษณา ซึ่งตอนที่ทำครั้งแรกๆนั้นตนเองเป็นลูกข่ายของเพื่อนอีกทีหนึ่งที่เค้าทำโปรโมชั่นทองคำแต่ต่อมาเพื่อนของตนเองล้ม แล้วประกอบกับมีคนโอนเงินมาเข้าบัญชีของ น.ส.เมย์ (นามสมุติ)เธอจึงตัดสินใจทดลองทำเองเพราะหวังว่าจะได้เงินมาหมุนพอใช้เล็กๆน้อยๆ แต่เมื่อมีลูกค้าเยอะขึ้นจำนวนวงเงินมากขึ้นจึงทำให้หมุนเงินไม่ทัน ซึ่งเธอยอมรับว่ามีผู้ที่เธอประสานงานด้วยเพียงแค่ 15 ราย วงเงินประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ตัวเธอเองก็ไม่ได้หลบหนีหน้าไปไหนพร้อมที่จะรับชดใช้และขอผ่อนชำระให้ รวมถึงได้ติดต่อไปที่ สภ.เมืองพิจิตร จะขอมอบตัวสู้คดีในครั้งนี้ด้วย ในส่วนของความคืบหน้าว่าคดีนี้จะเป็นเช่นไรนั้น ผู้สื่อข่าวจะได้รายงานเพิ่มเติมต่อไป