เมื่อ 12 กรกฎาคม 2563 มีรายงานข่าวจากชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า พ.ต.อ.ภูเบศ แสงอร่าม "แม่สอด 1" ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด จังหวัดตาก สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการสายตรวจ สภ.แม่สอด นำกำลังออกปฏิบิตหน้าที่ สืบสวน ปราบปราม การกระทำผิดกฎหมาย และการตรวจตาการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง บนเส้นทางสายบ้านแม่ตาว หมู่ 1 ไปยังบ้านท่าอาจ หมู่ 3 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด แนวชายแดนไทย-เมียนมา นั้น เจ้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 (แม่สอด) ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก(ด่าน แม่สอด )และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ได้พบชาวจีน วัยทำงาน อายุระหว่าง 20-40 ปี จำนวน 16 คน กำลังเดินทางข้างถนนแบบหลบๆซ่อนๆ เสื้อผ้าเปียกน้ำกว่าครึ่งเอว จึงเข้าไปตรวจสอบทราบว่า ชาวจีนทั้ง 16 คนได้ลักลอบข้ามแม่น้ำเมย จากฝั่งสหภาพเมียนมา เข้ามายังเขตไทย และพบ ในจำนวนนี้ มีหนังสือเดินทาง บางคนวีซ่าหมดอายุ บางคนไม่มีหนังสือเดินทางเลย และทำวีซ่าของประเทศกัมพูชา กับเวียดนาม และเมียนมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฎิบัติการแม่สอด จึงประสานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด เข้าไปร่วมจับกุมควบคุมตัวชาวจีนดังกล่าว และนำตัวไปที่ สภ.แม่สอด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าบุคคลต่างด้าวชาวจีนทั้งหมด กระทำผิดกฏหมาย ลักลอบข้ามเข้ามาเขตไทยในช่องทางที่ผิดกฏหมาย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ชาวจีนทั้งหมดข้ามแม่น้ำเมยมา บางคนมีรองเท้า บางมีแต่ถุงเท้า เข้าใจว่า ถูกทรายดูดจนหลุด ส่วนสาเหตุที่ข้ามแม่น้ำเมยมานั้น เนื่องจากไทย และเมียนมาห้ามคนข้ามไปมาระหว่างฝั่งไทยกับฝั่งเมียนมา ตลอดแนวชายแดน ยกเว้นสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7 ตำบลท่าสายลวด เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ชาวจีนจึงไม่ใช้เรือหางยาวเพราะเสียงดัง เปลี่ยมาเป็นวิธีข้ามแม่น้ำแบบเสี่ยงตาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแม่สอด มีนโยบายในการสืบสวน หาข่าว เพื่อกวาดล้างปราบปราม อย่างจริงจัง ในการสืบสวน-สอบสวน การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยเพื่อถือเป็นแนวปฏิบัติตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาล