สภาวิศวกรลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง หลังชาวบ้านร้องสื่อน้ำเซาะที่ดินหายพร้อมให้คำแนะนำชาวบ้าน จากการที่ นายเมธี วงษ์หอย อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 31-33 ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และครอบครัวร้องขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆภาครัฐแต่ก็เงียบหายจนสุดท้ายสื่อมวลชนให้การช่วยเหลือเปิดเผยข้อมูล โดยนายเมธีเจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า ตนเองและครอบครัวอาศัยอยู่บนพื้นดินสองโฉนดดังเดิม ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดที่ดิน จำนวน 4 ไร่ ซึงเดิมเป็นสวนหมาก พลู มะพร้าว น้ำได้กัดเซาะมาตลอดทุกปี ขณะน้ำขึ้นก็จะขึ้นสูงมาก น้ำลงก็จะลงเร็วมากบางครั้งน้ำขึ้นนานเป็นวันทำให้ดินอ่อนตัวน้ำลงจะพาเอาดินชายฝั่งลงไปด้วยด้านข้างบ้านก็มีคลองขนาดใหญ่เวลาชลประทานปล่อยน้ำจะแรงมากจะพัดพาเอาที่ดินหายไปด้วย ขณะนี้หายไปจนจะใกล้ตัวบ้านแล้วไม่รู้ตัวบ้านจะทรุดตัวลงไปเมื่อใด วันที่ 11 กรกฎาคม 63 ที่ฝ่านมา ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรพร้อมคณะส่วนงานด้านต่างๆ เกือบ 20 คน พร้อมสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบตัวอาคารบ้านเรือนชาวบ้านบนฝั่งและประสานขอเรือเจ้าท่าพาดูพื้นที่โดยรอบพบว่า มีบ้านหลายหลังที่น้ำกัดเซาะชายฝั่งทำให้ที่ดินชาวบ้านเสียหายลงแม่น้ำหลายหลังและหายไปหลายไร่ นายกสภาวิศวกรกล่าวว่าที่มาในวันนี้ด้วยความที่เห็นชาวบ้านเดือดร้อนขอความช่วยเหลือไปย้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก็เงียบจึงลงมาติดตามดูในเบื้องต้น นอกจากนี้ยังใด้ประสานไปยังอำเภอ ปภ.จังหวัดกำนัน ผู้ใหญ่บ้านลงมาดูร่วมกันในส่วนของนายเมธีที่ร้องขอความช่วยเหลือนั้นตนใด้แนะนำให้รีบดำเนินการทำผนังกั้นดินอย่างเร่งด่วนก่อนที่บ้านจะพังทรุดตัวลงแม่น้ำไป ส่วนบ้านอี่นๆที่ถูกน้ำกัดเซาะที่ดินหายลงแม่น้ำไปตนใด้แนะนำให้ถ่ายรูป สังเกตความเคลื่อนไหวของน้ำและถ่ายภาพบันทึกไว้จะใด้รู้และหาทางแก้ไขและจะเอาเรื่องนี้ไปสรุปและดำเนินการตามขั้นตอนของสภาวิศวกรต่อไป ด้านนายเมธีกล่าวว่าตนเองและครอบครัวคงต้องดิ้นรนช่วยเหลือกันเอง เบื้องต้นจ้างโป๊ะมาตอกเข็มกันดินพังไปชั่วคราวก่อนถ้าทำผนังกั้นตามที่ท่าน.ดร.แนะนำต้องใช้งบประมาณสูงนับสิบล้านบาทซึ่งไม่มีขนาดนั้นหากจะขายที่ก็คงไม่มีใครซื้อพอมีบำนาญและเงินเก็บอยู่บ้างก็ทำไปก่อนเท่าที่ทำได้ ด้านคุณสุภพร เจริญนวรัตน์ บอกเหมือนกันว่ากลัวบ้านพังลงแม่น้ำไปอยากฝากภาคส่วน ต่างๆลงมาดูและหาทางช่วยเหลือบ้าง ร้องไปส่วนงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานก็เงียบหาย