นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรจะเริ่มจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ (e-Service)ได้ในปีภาษี 2564 หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีแพลตฟอร์มดิจิตอลต่างชาติไปเมื่อต้นเดือน มิ.ย.63 ซึ่งขั้นตอนจากนี้จะเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา หากเห็นชอบจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป และหลังจากนั้น 6 เดือนจึงจะเริ่มจัดเก็บได้ สำหรับเป้าหมายการจัดเก็บภาษี e-Service ปีแรก ซึ่งหากดูฐานจากปี 2562 คาดว่าจะได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่จากการระบาดของโควิด-19 จะเห็นว่าคนใช้ออนไลน์เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะจัดเก็บได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเกิดความเป็นธรรมสำหรับผู้ให้บริการในประเทศไทยที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เพราะในแต่ละปีผู้ให้บริการต่างประเทศได้รายรับปีละ 40,000 กว่าล้านบาท แต่ไม่เคยเสียภาษี โดยยืนยันว่าผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ พร้อมที่จะเสียภาษีดังกล่าวแล้ว โดยภาษี e-Service ผู้ให้บริการต่างประเทศ ทั้งแพลตฟอร์มดูหนัง เล่นเกมส์ นายหน้า สื่อโฆษณา ตลาดกลางที่จับผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน รวมถึงบริการ e-Commerce เช่น Facebook,YouTube,Google,Line, Netflix,Lazada ที่ให้บริการในประเทศไทย และมีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นำส่งให้กับกรมสรรพากร โดยไม่มีภาษีซื้อ เช่น ถ้าให้บริการ 100 บาท จะต้องนำส่งทันที 7 บาท หรือ 7% ของค่าบริการ