วันที่ 10 กรกฎาคม 2563 จากกรณี กรณีสหภาพยุโรปและองค์กรพิทักษ์สัตว์ ( PETA ) รณรงค์ ไม่ให้ใช้กะทิแปรรูปจากประเทศไทย เนื่องจากมีการใช้กังในการเก็บผลมะพร้าว ว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ส่วนที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการนำกัง มาเฝ้าศาลากลาง เพื่อป้องกันการรื้อหลังคาของฝูงลิงแสม ซึ่งเป็นปัญหาการรื้อสิ่งของในอาคารมาช้านาน โดยศาลากลางหลังเก่าเป็นอาคารไม้ ถูกลิงแสมเขาช่องกระจกที่มีอยู่กว่า 2 พันตัว รื้อกระเบื้องหลังคาทิ้งลงพื้น ฝาเพดานทะลุ และเข้าไปรื้อค้นสิ่งของภายในสำนักงาน กระทั่งหน่วยงานต่าง ๆ ทยอยย้ายออกไปจากอาคารจนหมด นายเอกดนัย ช่วยทิพย์ อายุ 27 ปี ชาวบ้านตำบลอ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ อาชีพรับจ้างนำกังเฝ้างาน กล่าวว่า ตนเลี้ยงกังมากว่าสิบปี ซึ่งในละแวกบ้านตนเองนอกจากกังที่ขึ้นมะพร้าวแล้ว ยังนำกังมาเฝ้าตามงานสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่รอบข้างเขาช่องกระจกที่มีลิงแสมกว่าสองพันตัว มีการจัดงานประจำปี เช่น งานกาชาดจังหวัด งานวัดธรรมิการาม งานท่องเที่ยว งานเทศกาลออกพรรษา แต่ละครั้งจะมีคาราวานร้านค้าหลายร้อยร้าน ประสบปัญหาคือ ลิงแสมจะลงจากเขาช่องกระจก รื้อทำลายสิ่งของภายในเต้นท์ สร้างความเสียหายมาก ผู้จัดงานจึงจำเป็นต้องจ้างกังเฝ้าอาณาบริเวณจัดงาน ซึ่งกลิ่นสาปของกังส่งผลให้ลิงแสมไม่เข้าใกล้เพราะกลัวการถูกกัด เนื่องจากกังมีลักษณะตัวใหญ่กว่า เขี้ยวแหลมคม และดุ สำหรับศาลากลางหลังเก่าแห่งนี้ ทางจังหวัดได้ว่าจ้างกังมาเฝ้าเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้ผู้รับเหมาทำการปรับปรุงหลังคาและฝ้าเพดานให้แล้วเสร็จ โดยตนได้นำกังมาประจำจุดที่ข้างศาลากลางทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก จำนวน 3 ตัวด้วยกัน พร้อมทั้งนำแผงเหล็กและเชือกมาล้อมบริเวณ และเขียนข้อความระวังอันตรายกังกัด เนื่องจากกังจะมีความดุร้ายกับคนแปลกหน้า และบางครั้งมีคนมาแกล้งจนกังเข้าทำร้าย ซึ่งเป็นสัญชาติญาณป้องกันตัว ส่วนการนำกังมาเฝ้าศาลากลาง คนเลี้ยงต้องมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย เพื่อไม่ให้กังรู้สึกเหงา หรือแปลกถิ่น และต้องคอยให้น้ำให้อาหารครบทุกมื้อ โดยเฉพาะน้ำดื่ม ซึ่งกังที่เลี้ยงไว้ชอบกินน้ำใหม่ทุกครั้ง เมื่อเทน้ำใส่ภาชนะก็จะกินแค่ครั้งเดียวและยกคว่ำเทน้ำทิ้ง ทำให้ต้องเทน้ำให้กินบ่อย ๆ เพื่อป้องกันร่างกายสะสมความร้อนจากสภาพอากาศ