ขณะที่เก้าอี้รัฐมนตรีในครม.ทั้งโควต้า พรรคพลังประชารัฐในฐานะ “แกนหลัก” ไปจนถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” กำลังโดนเขย่า ทั้งด้วยสถานการณ์และ “ข่าวลือ” ให้รอลุ้นว่า ใครจะอยู่หรือไป เมื่อ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตัดสินใจ “ปรับครม.” แต่ดูเหมือนว่า ที่นั่งของ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับมั่นคงแข็งแรง จนต้องจับตาว่าหากทำผลงานเข้าตา พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้นทุกวี่วันแล้ว โอกาสที่จะสุภรณ์ จะได้ขยับ ก้าวขึ้นไปนั่งในเก้าอี้ตัวใหม่ ที่สำคัญในกาลข้างหน้า จะเกิดขึ้นตามมาได้หรือไม่ สถานะของ สุภรณ์ ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกฯ แน่นอนว่าย่อมเป็นที่นั่ง ที่ไม่มีใครมาแก่งแย่ง แตกต่างไปจากเก้าอี้ “รัฐมนตรี” อย่างลิบลับก็ตาม แต่สำหรับ แรมโบ้อีสาน แล้วกลับรุดเดินหน้าเร่งทำงาน ปฏิบัติภารกิจ “สลายเสื้อแดง” อย่างต่อเนื่อง ทว่าเป็นการสลายมวลชนคนเสื้อแดง โดยที่ไม่ต้องใช้ “กำลังรบ” หรือ “อาวุธ” อย่างใดอย่างหนึ่ง หากแต่เลือกที่จะใช้บทบาทและกลไกที่รัฐบาลสามารถสนับสนุนเพื่อ “กระชับพื้นที่” พี่น้องคนเสื้อแดง ได้อย่างชะงัด ! บทบาทที่เห็นอยู่เบื้องหน้า คือการที่สุภรณ์ รับทุกเรื่องราวร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชน ที่ทำเนียบรัฐบาล ควบคู่ไปกับการออกมาให้สัมภาษณ์ ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จากการโจมตีของ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ไปจนถึง “กลุ่มการเมืองนอกสภาฯ” แล้วยังน่าสนใจว่า สุภรณ์ ยังเดินสายออกไปพบปะกับพี่น้องคนเสื้อแดงตามจังหวัดต่างๆ ไปพร้อมๆกับการประสาน พูดคุยกับ “แกนนำ” ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวให้กับมวลชนคนเสื้อแดง มาครั้งที่ทำหน้าที่เป็นเสมือน “กองกำลัง”ให้กับทุกรัฐบาลในสังกัดของ “นายใหญ่” คือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ กลยุทธ์การแปรเปลี่ยน “ศัตรู” ให้กลายเป็น “มิตร” ด้วยยุทธวิธีสลายมวลชนคนเสื้อแดง ที่ผ่านการขับเคลื่อนโดย สุภรณ์ ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็น “คนของบิ๊กตู่” ไปแล้วนั้น ต้องนับว่า ได้ผลเกินความคาดหมาย อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์ที่เดินเงียบ แต่เปิดเกมรุกอย่างรวดเร็ว ! “อย่าลืมว่า ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ของคนเสื้อแดงนั้นมีบทบาทและมีพลังที่ค่อนข้างสูงมาก ถ้าเทียบกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนในปัจจุบันที่ใช้รูปแบบแฟลชม็อบ ก่อกวน รัฐบาลและกองทัพ ต้องถือว่าต่างกันลิบลับ แกนนำและมวลชนคนเสื้อแดง เคยเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยอุดมการณ์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ สามารถระดมมวลชนเป็นหมื่นคน เพื่อมากดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ จนเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองมาแล้ว ดังนั้นการที่รัฐบาล โดยเฉพาะทีมเสนาธิการของพล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะสลายคนเสื้อแดง ด้วยแกนนำคนเสื้อแดงอย่างสุภรณ์ เองจึงไม่ใช่แค่หวังให้บ้านเมืองสงบ แต่ยังต้องมองต่อไปอีกด้วยว่า นี่คือการสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐบาลอย่างมาก” อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ประเมินกับ “สยามรัฐ” อย่างไรก็ดี การสลายคนเสื้อแดง โดยการทำงานของสุภรณ์ที่เดินสายลงไปสลายหมู่บ้านคนเสื้อแดง ในหลายจังหวัดนั้น ยังน่าสนใจว่านอกจะนำเสนอแนวคิดว่าวันนี้บ้านเมืองภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องการความสามัคคี การปรองดองแล้ว ยังขอให้เข้าใจด้วยว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมอาชีพ ส่งเสริมรายได้ แก้ไขปัญหาความยากจนให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกสาขาอาชีพ ได้ผลักดันนโยบายสู่รากหญ้าตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสู่พี่น้องเกษตรกรตลอดมาอย่างต่อเนื่อง งบประมาณที่จะถูกกระจายลงไปตามนโยบายและมาตรการเยียวยา ช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ จากรัฐบาล กำลังกลายเป็น “สิ่งที่จับต้องได้” ทำให้ท้องอิ่ม นอนอุ่น ที่สำคัญไม่มีใครต้องอยู่กับความขัดแย้ง เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไป แล้วอย่างนี้ ปฏิบัติการสลายเสื้อแดง จะไม่สำเร็จ ก็ให้รู้ไป !!