เมื่อ 8 ก.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ PEACETALK โดยตำหนิแนวคิดการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเข้ามาในไทยเพื่อใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารบริโภค ว่า เป็นความคิดซ้ำเติมข้าวไทยและชาวนาต้องอยู่ในภาวะจนตรอก สิ้นหนทาง ทั้งนี้ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ซึ่งอดีตเป็นนายอำเภอ เป็นคนมีเหตุผล เปิดเผยถึงคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) มาแปรรูปข้าวเป็นสินค้าอาหาร โดยคณะอนุกรรมการฯคณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ นายจตุพร กล่าวว่า แนวความคิดนำเข้าข้าวต่างประเทศเข้าไทยนั้น ทั้งที่ไทยเคยเป็นประเทศส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก จึงไม่มีใครคาดคิด แม้จะอธิบายว่านำมาแปรรูปก็ตาม แต่เป็นเรื่องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และที่สำคัญเป็นสัญญาณไม่ดี เป็นลางร้าย เพราะก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 ไทยต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศเช่นกัน อีกทั้งในยุคข้าวยากหมากแพงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยยังเอาข้าวไปแลกกับไม่เป็นประเทศแพ้สงคราม ตนไม่ทราบว่า นายกฯ ทราบหรือไม่ เพราะคณะอนุกรรมการฯที่ท่านตั้ง มีแนวความคิดจะนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเข้ามาไทย ถ้าเอาเรื่องอื่นแล้ว ตนจะไม่โวยเลย เนื่องจากหลายปีผ่านมา ชาวนาถูกอุปโลกเป็นกระดูสันหลังของไทย แม้สร้างมายาคติไทยเป็นประเทศส่งข้าวเป้นอันดับหนึ่งของโลก แต่ชาวนาเป็นคนทุกข์ที่สุดของโลกเช่นเดียวกัน มีแต่ความยากลำบาก “สิ่งที่ผมอยากฝากเสียง ไม่ใช่เสียงประชดประชันแดกดันทั้งสิ้นว่า นายกฯต้องเรียกคณะอนุกรรมการฯ ที่ท่านตั้งขึ้นมา ให้ยกเลิกแนวความคิดนี้เสีย เพราะมันเป็นตราบาปของประเทศไทย ที่ต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ แม้จะอ้างมาแปรรูป แล้วมันเรื่องอะไรไม่แปรรูปข้าวในไทย” นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญเวลานี้ต้องยกเลิกแนวความคิดนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเสีย เพราะการเอาข้าวต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรเท่ากับมากดราคาข้าวไทย จะคิดอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะอธิบายว่ามีมาตรการไม่ให้ข้าวเหล่านี้รั่วไหลไปเป็นข้าวสารก็ตาม “ผมถามว่า ถ้าไม่ซื้อ คุณจะตายหรือไม่ แต่เราต้องยอมรับความจริงว่า ข้าวมันราคาตก ชาวนาอยู่อย่างยากลำบากมายาวนานแล้ว ก่อนหน้านี้ ผลิตผลทางเกษตรไม่ว่าหอม กระเทียม ตามไล่จับกันเกือบตาย นี่อยู่ดีๆคิดจะนำข้าวเข้ามาในราชอาณาจักร สบายดีหรือเปล่า คิดได้อย่างไง” นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอู่ข้าวรายใหญ่ ดังนั้นการนำเข้าข้าว จึงเป็นข่าวหนักยิ่งกว่าข่าวลิงเก็บมะพร้าวจนอังกฤษบอยคอตมะพร้าวเสียอีก แต่การเอาข้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการกระทำของคนไทย เป็นแนวคิดของคณะอนุกรรมการ เป็นเค้าลางร้าย ซึ่งกระทบกระเทือนจิตใจชาวนาโดยตรง ประเทศไทยมีแนวความคิดมากมายที่จะฟื้นวิถีชีวิตชาวนาไทย แต่ประเทศปลูกข้าวไม่เคยมีความคิดรวมตัวกัน แม้มีการตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ปลูกอย่างอื่นบ้าง แต่ชาวนาเป็นชาวนา จะปลูกอย่างอื่นก็ไม่ได้เป็นชาวนาที่ทำมากี่ชั่วอายุคนแล้ว อีกอย่าง เราต้องยอมรับความจริงว่า ชาวนาไม่พร้อมเปลี่ยนอาชีพ เพราะไม่เห็นแสงสว่างในการปลูกพืชอื่น ถ้ารัฐบาลมีประกันราคา ปลูกแล้วไม่ขาดทุนและมีรายได้ดีกว่าราคาข้าว คนก็พร้อมจะเปลี่ยนอาชีพเมื่อเห็นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น ชาวนา เกษตรกรไทยจึงอยู่กับกับโชคชะตา สิ่งที่รัฐคิดก็ไม่เคยทำให้เป็นจริง วันนี้คนไทยต้องเอาตัวให้รอดจากภาวะเศรษฐกิจทรุดแสนสาหัส และกำลังเดินไปสู่จุดต่ำสุดและต่ำกว่าก้นเหว ไม่มีอนาคต ดังนั้นเมื่อความเป็นจริงต้องอยู่สภาพแบบนี้อีก 2 ปี จึงต้องระดมความคิดหาทางรอดของไทย ถ้าไม่เปลี่ยนความคิด มาเปิดกว้างรับฟัง อดทนความแตกต่างคงหาทางรอดพ้นจากวิกฤตของประเทศไม่เจอ เมื่อสถานการณ์ประเทศจากนี้ไป กำลังเข้าสู่ภาวะจนตรอกอย่างเต็มที่ ส่วนการนำเข้าข้าวมาไทยเป็นทัศนคติที่อันตรายยิ่ง เพราะเรายังมีข้าวกินอยู่จึงไม่มีเหตุผล และจะเป็นการทำลายระบบข้าวไทยให้แย่ลงไปอีก “บอกจะเอามาแปรรูป แล้วได้ประโยชน์อะไร ข้าวไทยแปรรูปไม่ได้หรือ ผมว่าเป็นแนวคิดที่แปลก เป็นการซ้ำเติมราคาข้าวที่ตกต่ำอยู่แล้วให้ตกต่ำลงไปอีก” นายจตุพร กล่าวชวนประชาชนเขียนจดหมายเป็นกำลังใจ เยียวยาหัวใจให้พี่น้องในเรือนจำกรุงเทพ และเรือนจำทั่วประเทศ ตามการรณรงค์ของนางธิดา ถาวรเศรษฐ เพราะกำลังใจจะทำให้อยู่ได้ด้วยความหวัง เมื่อจิตใจเข้มแข็งอยู่ได้ ร่างกายก็อยู่ดี นอกจากนี้ ได้รายงานการก่อสร้างสถานีโทรทัศน์พีซทีวีแห่งใหม่ว่า ใช้หลักการของปราชญ์ทางภาคใต้ ซึ่งสอนให้เร่งรีบอย่างช้า นั่นคือ รีบแต่รอบคอบ ใช้สติปัญญาอย่างครบถ้วน จนทำให้การก่อสร้างช้าไปร่วมปีด้วยความยากลำบาก ดังนั้น คิดว่าการก่อสร้างจวนเสร็จในเดือนนี้ ถึงแม้เสร็จไม่สมบูรณ์ก็ตาม