วันที่ 9 ก.ค.63 นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุผล 4 กุมารลาออกระบุว่า...หลายท่านคงทราบข่าวเรื่องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐของผมแล้วนะครับ ผมสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้ช่วยกันกับหลายๆท่านในการก่อร่างสร้างพรรคฯอย่างไม่เป็นทางการมาระยะหนึ่งแล้ว จนเมื่อเดือนมกราคม 2562 ผมพร้อมด้วยเพื่อนๆอีก 3 ท่านคือ อาจารย์อุตตม พี่สนธิรัตน์ และดร.กอบศักดิ์ ได้ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อไปปฏิบัติงานด้านการเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง มีนาคม 2562 เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้สมัคร ส.สของพรรคอย่างเต็มตัวในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้ผมจะทำงานด้านการเมือง แต่ผมก็มักออกตัวอยู่เสมอว่าผมไม่ใช่ "นักการเมือง" การทำงานของผมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการบริหารราชการฯ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี มากกว่าการบริหารการเมืองหรือบริหารพรรคการเมือง และขณะนี้พรรคพลังประชารัฐได้เดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ผมได้หารือกับเพื่อนๆทั้ง 3 ท่านเห็นพ้องกันว่าเพื่อให้การทำงานในฐานะรัฐมนตรีของเราเป็นอิสระจากการกดดันทางการเมือง จึงขอ "ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ" และทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ และได้รับความไว้วางใจจากท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไปนั้น ผมเคารพในการตัดสินใจของท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับ ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่าท่านนายกฯจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ล้วนแล้วแต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญทั้งสิ้นครับ นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เข้ามาช่วยงานท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเมื่อสิบกว่าปีก่อน จนถึงทุกวันนี้ อุดมการณ์และความตั้งใจของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการนำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เข้ามาทำงานในการบริหาร ขับเคลื่อน และพัฒนาประเทศไทยให้พัฒนาต่อไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมขอบพระคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กับผมมาโดยตลอด ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องประชาชนได้มอบให้พรรคพลังประชารัฐครับ ตราบใดที่เรายังเป็นคนไทย เรามีพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจพระองค์เดียวกัน มีประเทศไทยอันเป็นที่รักอันหนึ่งอันเดียวกัน ผมเชื่อว่ามีคนไทยอีกหลายล้านคนที่คิดและทำเหมือนผมโดยที่ไม่ได้ผูกโยงตัวเองเข้ากับการเมือง อำนาจ หรือตำแหน่งต่างๆ ขอเพียงเราทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด สุจริต โปร่งใสที่สุด ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน ช่วยกันสานต่อเจตนารมณ์นี้ด้วยกันต่อไปนะครับ