“สมชัย”หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้งซ่อมลำปาง ให้ “เสรีพิศุทธ์” ส่งกกต.เชือด“ธรรมนัส” ปมตรวจราชการช่วงกฤษฎีกาเลือกตั้ง-สัญญาว่าจะให้ 12 โครงการ-ซื้อเสียง ชี้ผิดถึงขั้นยุบพรรค เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นข้อมูลการทุจริตซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งที่ เขต 4 จ.ลำปาง ต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ กมธ.ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องนี้ และขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เพื่อยื่นเรื่องต่อให้ กกต. โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้ง ขณะที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว และมีการพูดชัดเจนโดยขอเสียงสนับสนุนเพื่อให้ผู้สมัครเข้ารับเลือกเป็นผู้แทน เพื่อช่วยให้มีความรวดเร็วในการนำเสนอโครงการพัฒนาและข้อเรียกร้องให้รัฐสนับสนุนแก้ปัญหาต่างๆในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การกระทำของ ร.อ.ธรรมนัส อาจจะเข้าข่ายผิดกรณีสัญญาว่าจะให้ ขณะที่นายสมชัย ชี้แจงว่า เหตุการณ์ทุจริตแบ่งเป็น 4 กลุ่มเรื่อง ได้แก่ 1. ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง 2.รัฐมนตรี ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค ที่สัญญาว่าจะให้ 3. จ่ายเงินซื้อเสียง และ 4.ให้คนไม่มีสิทธิสวมสิทธิเลือกตั้งแทนบุคคลอื่น โดยสำหรับการเก็บข้อมูลนั้น จนถึงวันนี้ (9 ก.ค.) มีคนรายงานเรื่องทุจริตเข้ามารวม 102 ราย และมีคนที่ให้ชื่อและการติดต่อกลับ พร้อมเป็นพยาน 25 ราย นอกจากนี้ ก็ได้รวบรวมข้อมูลจากสื่อมวลชนด้วย นายสมชัย กล่าวว่า กรณีข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง มีทั้งกำนัน 25.5% ผู้ใหญ่บ้าน 47.1% ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 37.3% อสม.52% และหัวคะแนนในพื้นที่ 64.7% ซึ่งการดำเนินการ ประกอบด้วย ให้ผู้ใหญ่บ้านทำบัญชีผู้มีสิทธิ์ที่ไม่อยู่ใช้สิทธิ์ในวันเลือกตั้ง มีการเรียกประชุมชาวบ้าน และให้ผู้สมัคร รัฐมนตรีมาแนะนำตัว ใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อสม. และผู้ใกล้ชิด แจกเงินตามบ้าน หัวละ 300 บาท รวมถึงนำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ที่ไม่อยู่ในพื้นที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแทน ส่วนเหตุการณ์ที่ ร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่นั้น ได้ตรวจราชการในพื้นที่เขตเลือกตั้งในช่วงที่มีกฤษฎีกาการเลือกตั้งแล้ว ในวันที่ 17 พ.ค.2563 , 6-14 มิ.ย.2563 และ 15 มิ.ย.2563 นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังไปตรวจราชการในวันที่ 18 มิ.ย.2563 ด้วย สำหรับโครงการที่สัญญาว่าจะให้ มีทั้งหมด 12 โครงการ อาทิ โครงการสร้างโรงอบสมุนไพร ที่ ต.แม่มอก อ.เถิน จ.ลำปาง มูลค่า 16 ล้านบ้าน , โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปะ ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง มูลค่า 150 ล้านบาท , โครงการก่อสร้างฝายกั้นน้ำที่บ้านเหล่า ต.ล้อมแรด อ.เถิน เป็นต้น ซึ่งนายสมชัย กล่าวว่า เป็นการไปพูดว่าผู้สมัครจะดำเนินการประสานเพื่อให้เกิดโครงการเหล่านี้ โดยนายสมชัย ได้นำข่าวที่ ร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่ตรวจราชการในเขตเลือกตั้ง มาเป็นข้อมูล โดยในข่าวระบุว่า มีการรับปากจะทำฝายกั้นน้ำให้ ซึ่งเป็นเรื่องว่า รับปากว่าจะให้ ดังนั้น ต้องติดตามว่า จะใช้เงินงบประมาณจากแหล่งใด เพราะไม่ปรากฎชื่อโครงการเหล่านี้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ด้วย นายสมชัย กล่าวว่า ในวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ซึ่งเป็น 5 วันก่อนวันเลือกตั้ง นายสุทธิชัย จรูญเนตร ผู้ช่วยรัฐมนตรี หรือ มือขวาของ ร.อ.ธรรมนัส ลงพื้นที่ติดตามงานศูนย์ส่งเสริมและขยายพันธุ์พืชในพื้นที่ที่มีการเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นงานของทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จากนั้น ในวันที่ 18 มิถุนายน พลเอกประวิตร ก็ไปลงพื้นที่ติดตามปัญหาภัยแล้งในเขตเลือกตั้งเช่นเดียวกัน ทั้งที่ ลำปางไม่ใช่จังหวัดที่ถูกประกาศว่าประสบภัยแล้ง อีกทั้งยังเชิญ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 3 อำเภอ มาประชุมพร้อมเพรียงกัน โดยหลังจากการประชุมเสร็จ ได้สั่งการให้สำนักทรัพยากรน้ำภาค 1 กรมทรัพยากรน้ำ ทำแบบรายการใช้ประกอบการของบประมาณเพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ปะ ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง ซึ่งไม่ปรากฎในงบประมาณ 2564 เช่นกัน ต้องติดตามว่า จะใช้งบประมาณจากเงินกู้เพื่อแก้ปัญหาโควิดหรือไม่ ต่อมาในวันที่ 19 มิถุนายน ก่อนเลือกตั้งเพียง 1 วัน ผู้ช่วยรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ว่า โรงงานผลิตสมุนไพรอยู่ระหว่างการของบประมาณเพื่อมาดำเนินการ นับว่า เป็นความผิดกรณีสัญญาว่าจะให้ และใน พ.ร.บ.ส.ส.มาตรา 132 ระบุว่า หากกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ให้ กกต.เสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น นายสมชัย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีการซื้อเสียง พบว่า อ.เสริมงาม ทุจริตมากที่สุด และ อ.แม่พริกน้อยที่สุด ทั้งนี้ พบว่า เป็นการซื้อเสียงถึง 97.1% สัญญาว่าจะให้ 17.6% ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง 55.9% ใช้อิทธิพลข่มขู่ 27.5% กรรมการประจำหน่วยไม่เป็นกลาง 28.4% นอกจากนี้ ยังพบการสวมสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด ทำให้การเดินทางกลับภูมิลำเนายากลำบาก แต่จำนวนผู้มาใช้สิทธิกลับใกล้เคียงการเลือกตั้งทั่วไป มีการสำรวจชื่อผู้ไม่สามารถมาใช้สิทธิอย่างเป็นระบบ และมีการลงบันทึกประจำวันว่า ตนเองไม่ได้มาใช้สิทธิแต่มีคนมาใช้สิทธิแทนประมาณ 30 คนที่ ต.ล้อมแรด อ.เถิน ซึ่งนายสมชัย ได้เผยแพร่คลิปเสียงสัมภาษณ์บุคคลที่ถูกสวมสิทธิการเลือกตั้งด้วย แต่นายสมชัย ระบุว่า ไม่สามารถเปิดเผยให้ฟังได้ทั้งหมด ซึ่งคลิปทั้งหมดจะส่งให้กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพื่อส่งต่อให้ กกต.ต่อไป.