นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง กล่าวว่า การลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐของกลุ่ม 4 กุมารว่า จะไม่มีกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่ไม่มีผลกระทบเพราะใครก็ตามที่มาแทนทั้ง 4 คน ก็จะยังเดินหน้าทำงานตามแนวนโยบายที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะประเทศไทยขณะนี้อยู่ระหว่างการรับมือการระบาดของโควิด-19 ระยะที่ 2 หลังจากที่ไทยผ่านการดูแลในระยะแรก ซึ่งเน้นการดูแลด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีไม่มากไปแล้ว ทั้งนี้ ในระยะต่อไปจึงเป็นขั้นตอนผสมระหว่างการดูแลเพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดบานปลาย โดยตรงนี้ต้องใช้งบด้านสุขภาพ กับอีกส่วนต้องใช้งบในการกระตุ้นเศรษฐกิจและงบในการป้องกันเรื่องคนที่ยากจนลง เพราะฉะนั้นในเงินกู้ จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งมี 4 แสนล้านบาทเพื่อการฟื้นฟู และงบเยียวยา 6 แสนล้านบาท ไม่ว่าใครก็ตามที่มาเป็น รมว.การคลัง คงหนีไม่พ้นต้องทำตามแนวนโยบายนี้ และยังมีมาตรการที่ต้องทำต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องความรู้สึกของคนว่าใครจะมา ใครมาก็ดำเนินมาตรการภายใต้กรอบนี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง รมว.คลัง ผลกระทบทางเศรษฐกิจคงไม่มี แต่ที่กระทบในแง่ความรู้สึก ด้านจิตวิทยา โดยเฉพาะภาคธุรกิจ คือ คนจะจับตาดูว่า ใครจะมาเป็น รมว.การคลัง จะสร้างความมั่นใจได้หรือไม่ หากเอาคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นมาทำงานภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ ก็อาจมีผลกระทบกับความมั่นใจคนทั่วไปในส่วนนี้บ้าง” นายสมชาย กล่าว นายสมชาย กล่าวอีกว่า กรณีนายอุตตมลาออกจากพรรค ยังไม่จำเป็นต้องลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี ตรงนี้เป็นคนละเรื่อง กรณีนี้คิดว่าเป็นบารมีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงจะเก็บนายอุตตมเอาไว้ ไม่ต้องการเปลี่ยนม้าศึกเร็วเกินไป เพื่อสร้างความมั่นใจ เพราะตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในขั้นหน้าสิ่วหน้าขวาน ดังนั้นนายกรัฐมนตรี หรือ พปชร. ยังเห็นความจำเป็นของนายอุตตม และการหาคนมาแทนไม่ง่าย แต่แรงกดดันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้นน่าจะเกิดขึ้นหลังการพิจารณางบประมาณปี 2564 ผ่านไปแล้ว