DITP โชว์ผลจัดกิจกรรม “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ขายผลไม้ออฟไลน์และออนไลน์ ได้ยอดขายแล้ว 814 ล้านบาท เตรียมลุยต่อจัด Online Business Matching ลำไยและผลิตภัณฑ์ 16-17 ก.ค.นี้ระบายผลผลิตลำไยที่กำลังออกสู่ตลาด นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงผลการกระจายผลไม้ไทยไปตลาดต่างประเทศ ตามวิสัยทัศน์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ว่า กรมฯ ได้จัดทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรศักยภาพของไทย โดยเฉพาะผลไม้ไปยังประเทศเป้าหมายต่างๆทั่วโลก โดยมีแผนการกระจายผลไม้ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และไฮบริดไลน์ ในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคม 2563 จำนวนรวม 47 กิจกรรม ซึ่งล่าสุดได้มีการดำเนินการตามแผนไปแล้วหลายโครงการ มียอดการซื้อผลไม้ไทยรวม 814.24 ล้านบาท ทั้งนี้ การขยายตลาดส่งออกผลไม้ไทย ในด้านออฟไลน์ มีแผนดำเนินการ 36 กิจกรรม โดยจะร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยได้ดำเนินการไปแล้วในจีน และฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น อาเซียน เช่น กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินเดีย รวมทั้งมีแผนที่จะประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในงานแสดงสินค้า MIHAS 2020 ที่มาเลเซีย SIAL 2020 ที่ฝรั่งเศส BIOFACH 2021 ที่เยอรมนี GULFOOD 2021 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ FOODEX 2021 ที่ญี่ปุ่น ส่วนช่องทางออนไลน์ มีแผนดำเนินการ 9 กิจการ ส่วนใหญ่เป็นการาเจรจาการค้าผ่านทางออนไลน์ โดยมีกิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปแล้วได้แก่ การเจรจากับห้าง ITO Yokado เฉิงตู,Tmall เซี่ยงไฮ้,HKTVmall ฮ่องกง,ECOOR เฉิงตู,Lotus มหานครฉงชิ่ง,Hema เฉิงตู,TV Shop Channel ญี่ปุ่น,Redmart/Lazada สิงคโปร์ และสินค้าผลไม้ (มะม่วงน้ำดอกไม้และมังคุด) เกาหลี สำหรับกิจกรรมไฮบริด มี 2 กิจกรรม กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการคือ งานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX-ANUGA ASIA 2020 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 22-26 กันยายน 2563 และงานแสดงสินค้าอาหารเสมือนจริง THAIFEXporter:Virtual Trade Show กำหนดจัดเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563 นายสมเด็จกล่าวอีกว่า กรมฯ จะยังเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทยต่อเนื่อง โดยวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2563 มีกำหนดจัดงาน Online Business Matching เจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้นำเข้าจากทั่วโลกในสินค้าลำไย และผลิตภัณฑ์ผ่านออนไลน์ด้วยโปรแกรม Zoom โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์เป็นประธาน เพื่อช่วยระบายผลผลิตลำไยที่กำลังออกสู่ตลาด และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกร โดยมั่นใจว่าการจัดงานครั้งนี้ จะเพิ่มยอดการส่งออกลำไยสดและผลิตภัณฑ์ลำไยได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นอกจากการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลไม้ไทย กรมฯ ยังได้ติดตามและแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกผลไม้ไทยอย่างใกล้ชิดด้วย โดยล่าสุดได้รับแจ้งว่าด่านท่าเรือกวนเหล่ย (เชียงแสน-กวนเหล่ย) มีแนวโน้มจะกลับมาเปิดทำการด่านบ่อหาน(จีน)-บ่อเต็น(ลาว) รัฐบาลจีนและสปป.ลาวได้ก่อสร้างช่องทางพิเศษใหม่สำหรับการขนส่งสินค้าเท่านั้น คาดว่าจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ และด่านท้องถิ่นเหมิงหลง (หลักเขตแดน 240) เขตสิบสองปันนา ซึ่งเป็นด่านที่ใช้ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทยไปทางด่านเชียงแสน-เมียนมา (ด่านสบหรวย)-เขตปกครองพิเศษที่ 4 เมียนมา (รัฐฉาน)-จีน (ด่านท้องถิ่นต้าเหมิงหลง) อยู่ระหว่างยกระดับให้เป็นด่านสากล ส่วนการเร่งเปิดตลาดลำไยไปอินโดนีเซียได้รับแจ้งจากทางทูตพาณิชย์ว่า มีผู้นำเข้าอินโดนีเซีย 3 ราย ได้รับใบรับรองการนำเข้า (RIPH) แล้ว และอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตนำเข้า (SPI) โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 มี 1 ราย ได้รับใบอนุญาตสำหรับนำเข้าลำไยแล้ว และอยู่ระหว่างกระบวนการนำเข้า ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับการส่งออกลำไยของไทย