นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรายการช่องส่องผี ว่า คุณย่าโมกับคุณย่าบุญเหลือท่านเสียสละเพื่อชาวโคราชและประเทศไทย แล้วจู่ๆวันนี้มีคนไปบิดเบือนสิ่งที่ทำให้กับบ้านเมือง  ทำให้ชาวโคราชมีความรู้สึกไม่สบายใจ ว่าพวกคุณรู้ในประวัติศาสตร์ดีขนาดไหน ถึงได้ไปกล่าวอ้างขนาดนั้น “จากที่ได้พูดคุยกับชาวโคราชหลายคนทุกคนมีความโกรธเคือง แต่เรื่องนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับรายการอื่นๆ ที่จะไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ทำเพื่อให้รายการโด่งดังเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่ถูกต้อง ชาวโคราชต้องการให้ดำเนินคดี ผมก็ต้องการให้ดำเนินการทางกฎหมาย เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ ถ้ามีช่องทาง ทางกฏหมายใดที่จะดำเนินการได้ก็ให้ดำเนินการ ส่วนเรื่องการขอขมานั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ตำรวจหรือใครจะไปบังคับให้เขามาขอขมาไม่ได้ เป็นเรื่องสามัญสำนึกของคน ว่าควรจะไปขอขมาหรือไม่ บางครั้งเรายังเห็นคนทำผิดไปขอขมา แต่นี่คือดวงใจของคนโคราช เป็นที่เคารพบูชา ก็อยู่ที่เขาเราคงไปบังคับไม่ได้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเหมาะสมว่าเขาจะเห็นอย่างไร ในการจะไปขอขมา” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว นายเทวัญ กล่าวว่า จากที่นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือ บ๊วย พิธีกรรายการ ออกมาชี้แจงก็ไม่เห็นมีอะไร เพียงแต่บอกว่าจะเปลี่ยนให้รายการไปออกทางเฟซบุ๊ก และยังบอกว่าเขาไม่เคยได้ยินว่าคุณเรนนี่ตายไป 49 วัน ซึ่งอันนั้นตนก็ไม่ทราบว่าใครจะตาย 49 วันหรือวันเดียว แต่ตายก็คือตาย คงไม่มีที่ตายแล้วฟื้น ส่วนเรื่องถอดรายการออกจากช่องนั้น ตนไม่ทราบ แต่สำหรับตนก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไปตามกฏหมาย โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.) ได้ส่งข้อมูลต่างๆไปยังจังหวัด ไปยังกสทช. และ กรมศิลปากร ซึ่งดูแลเรื่องหอประวัติศาสตร์ ไปดำเนินการต่อ และเบื้องต้นได้ให้พศ.จังหวัด ทั่วประเทศแจ้งไปยังทุกวัดว่าในกรณีที่จะมีผู้มาถ่ายทำรายการในลักษณะเรื่องผี ให้ทางวัดได้ตรวจสอบและพิจารณาให้รอบคอบที่สุด เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนเรื่องหนึ่ง และกลายเป็นการส่งเสริมความเชื่องมงาย จึงขอให้ทางวัดพิจารณาว่ามีความเหมาะสมขนาดไหน "การกระทำความผิดสำเร็จไปแล้วเหมือนการขโมยของไปแล้ว จะเอาเมื่อคืนแล้วขอขมาไม่ได้ ก็ต้องดูข้อกฎหมายด้วยว่าเป็นอย่างไร แต่เรื่องนี้ถือว่าย่ำยีคนโคราชมากเกินไป ชาวโคราชก็ต้องการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจะได้เป็นบรรทัดฐานในครั้งต่อไป เผื่อจะมีใครมาบิดเบือนประวัติศาสตร์อีกจะได้รู้ว่าผลลัพธ์ของการบิดเบือนจะมีอะไรเกิดขึ้น" นายเทวัญ กล่าว