"นายกฯ"เผย"ในหลวง"ทรงชมเชย-ขอบคุณ "รัฐบาล-จนท.สาธารณสุข" ร่วมกันทำงานแก้ปัญหาโควิด- 19และทรงมีกระแสรับสั่งความสามัคคี ให้รัฐบาลดูแลปชช.มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และขอให้ภูมิใจ "ประวัติศาสตร์-อัตลักษณ์" ของประเทศ ด้าน"ศบค."เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19รายใหม่ 2 ราย กลับจากอินโดฯ-อินเดีย ส่วน"เซอร์เบีย" วุ่นม็อบบุกรัฐสภา ต้านล็อกดาวน์โควิดฯ ส่วน"ฮ่องกง" เจอไวรัสมรณะอาลาะวาดรอบสาม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน พระราชทานทุนทรัพย์เพื่อจัดซื้อรถพยาบาลที่เป็นลักษณะของรถเคลื่อนที่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้มีการพัฒนาไว้ 1 คัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเพิ่มเติม เพื่อให้ครบเขตการให้การบริการที่สามารถเคลื่อนที่ได้ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และในการเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายข้อราชการตามช่วงระยะเวลาของรัฐบาล เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ สิ่งที่ทรงรับสั่งนั้น เรื่องแรกคือ ทรงชมเชย ขอบคุณทั้งรัฐบาล เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุข และทุกคนที่ได้ร่วมทำงานด้วยกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งวันนี้ได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานภายนอกต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของประเทศไทยซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานกำลังใจเป็นกรณีพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องที่ 2พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสรับสั่งในเรื่องของความรัก ความสามัคคี และรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดูแลเรื่องความเป็นธรรม ความโปร่ง ใส มีประสิทธิภาพ พระองค์ทรงเน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งทำให้บ้านเมืองของเรามีเสถียรภาพให้ดีที่สุด บริหารจัดการทุกอย่างให้ได้ในทุกมิติ ในส่วนปัญหาใดก็ตาม ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนก็ขอให้รัฐบาลได้มีแผนงานโครงการในการลงไปดูแลให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ให้เป็นไปด้วยความเหมาะสม นายกฯ กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสรับสั่งอีกเรื่องคือ ประวัติศาสตร์ชาติไทย และความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งเราทุกคนควรภูมิใจในเรื่องเหล่านี้และรักษาไว้ให้ได้ สิ่งเรานี้ต้องไปด้วยกันให้ได้ ด้วยความรัก ความสามัคคีไปด้วยกัน เพื่อสร้างประเทศไทยให้เข้มแข็งต่อไป ต้องทำให้ประเทศไทยและประชาชนมีความสุขที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า วันนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,197 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 58 ราย หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2 ราย รวมยอดหายป่วยสะสม 3,074 ราย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 65 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อภายในประเทศยังอยู่ที่ 0 ราย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 44 โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine โดยรายแรก เป็นชายไทย อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 39 ปี อาชีพนักเผยแพร่ศาสนา "สถานการณ์โลกพบผู้ป่วยยืนยันสะสม 11,950,044 ราย รักษาตัว 58,227 ราย รักษาหายแล้ว 6,895,290 ราย เสียชีวิต 546,622 ราย สหรัฐฯยังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือบราซิล และอินเดีย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบบราซิลมากที่สุด รองลงมาคือสหรัฐฯและเม็กซิโก ขณะที่ฝั่งเอเชีย พบประเทศอินเดียมีผู้ป่วย สะสมและผู้ป่วยใหม่มากที่สุด รองลงมาคือ ปากีสถาน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ส่วนที่ญี่ปุ่น พบจำนวนผู้ป่วยรายใหม่มากถึง 206 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ระบาดจากสถานบันเทิง ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 99" ขณะที่ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กลุ่มประชาชนที่สนับสนุนฝ่ายค้านของประเทศเซอร์เบียจำนวนหลายพันคนได้รวมตัวกันชุมนุมประท้วง ก่อนบุกเข้าไปที่บริเวณอาคารรัฐสภา ในกรุงเบลเกรด เมืองหลวงของประ เทศ เพื่อต่อต้านแผนการปิดเมือง หรือมาตรการล็อกดาวน์ รอบใหม่ ที่ทางรัฐบาลเตรียมประกาศบังคับใช้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในเซอร์เบีย นอกจากนี้ มีรายงานว่า ทางการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้ออกมาตรการใหม่ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ภายหลังจากตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 9 ราย เป็นการติดเชื้อภายในชุมชน