วันที่ 8 ก.ค. ที่หมวดบิน C หน่วยบินเดโชชัย 3 ภายในพื้นที่กองบิน 6 (บน.6 ดอนเมือง) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ผบ.ทบ.สหรัฐและคณะ จะเดินทางเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 9-10 ก.ค.นี้ ว่า ตลอดเวลาที่มีข่าวในเรื่องนี้ ทางกองทัพบก พยายามจะให้สำนักงานเลขาเขาออกข่าวชี้แจง แต่ยังไม่ทราบยังมีข่าว คือเราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง ต้องพูดกันด้วย fact และมีเหตุผลว่าคืออะไร และมีเหตุผลอะไรที่ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐและคณะมาประเทศไทย ประการแรก การเรียนของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ มาเพียงแค่วันเดียวคือวันที่ 9 และเดินทางกลับในวันที่ 10 เพื่อมาลงนามในการแถลงวิสัยทัศน์ร่วมระหว่างกองทัพบกไทยกับกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ พ.ย.2562 ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ มาเยือนประเทศไทยและพบกับนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการลงนามว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศ หรือ Join Vision statement 2020 ระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐและของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมา โดยในข้อข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนกำลังพลที่ไปฝึก เช่น ขณะนี้มีกองร้อยทหารราบของ กองทัพบกไทย โดยจัดกำลังหลักจากกองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม อยู่รัฐฮาวายสหรัฐอเมริกา ไปฝึกร่วมกับ กองพลทหารราบที่ 25 จำนวน 152 นาย โดยกระบวนการในการเดินทางเป็นข้อตกลงระหว่างการ ซึ่งกำลังพลของกองทัพบกไทยทั้งหมด ต้องกักตัว 14 วัน ตามที่ ศบค.กำหนด และดำเนินการเช่าเครื่องหมอลำ เพื่อเดินทางไปสหรัฐ และเมื่อเดินทางกลับมาต้องกักตัวอีก 14 วัน เช่นเดียวกันคณะของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกาไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือกฎใดๆทั้งสิ้น ที่จะเป็นการยกเว้นหรือขอยกเว้น ไม่เคยมี โดยระหว่างการติดต่อสื่อสารกันและทำกำหนดการร่วมกัน ถามแต่ว่าจะให้ทำอะไร ขอให้บอกมา ซึ่งเรื่องนายกรัฐมนตรีและทางศคบ.ได้มีการประชุมกับกองทัพบก เพราะเป็นแขกของกองทัพบก และเราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ซึ่งผบ.ทบ. สหรัฐฯไม่ได้ปฏิเสธรวมถึงคณะทั้ง 10 คนก่อนจะเดินทางมา swop (ตรวจสอบ)3-4 ครั้งและปฏิบัติตามระเบียบที่มีการหารือกันโดยตลอด ไม่มีการ ฝ่าฝืนแม้แต่ข้อเดียว แต่ทุกอย่างต้องมีความจริงต้องพูดกันด้วย fact ซึ่งมีระเบียบ 2 ข้อที่เกี่ยวข้อง คือมาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 2548 ฉบับที่ 12 ว่าด้วยผู้มีเหตุยกเว้นหรือกรณีที่นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้ารับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดหรืออนุญาตหรือเชิญผู้ใดเข้ามาในราชอาณาจักรตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและข้อตกลงและเวลาได้ และ 2.ตามคำสั่ง ศบค.ที่ 7/2563 คือมีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้เท่าความจำเป็นโดยกำหนดเงื่อนไข ผบ.ทบ.สหรัฐและคณะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวทุกประการ 1.มีหนังสือรับรองเดินทางว่าเป็นบุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2. มีใบรับรองแพทย์สำหรับการเดินทาง ก่อน 72 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันผบ. ทบ. สหรัฐ และคณะอยู่ระหว่างการเดินทาง และคาดว่าจะแวะเติมน้ำมันที่ เกาะกวม และ ประเทศญี่ปุ่น ก็จะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด ทุกครั้ง ซึ่งปัจจุบันผลการทดสอบจะรู้ผลไม่เกิน 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ เดินจากวอชิงตัน ดี.ซี.และแวะที่รัฐฮาวาย ตรวจเยี่ยมกองร้อยทหารราบของไทยที่ฝึกอยู่ เนื่องจากเป็นปีที่ 2 ที่กองทัพไทยได้ส่งกองร้อยทหารราบไปฝึก 3.มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 โดยวิธีการตรวจ rt -pcr และ 4.มีแผนกำหนดการเดินทางชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุข และโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าติดตามตลอดเวลา และคณะต้องไม่เกิน 10 นาย นอกจากนี้จากการประชุมหารือ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่น่าจะแสดงความยินดีและเราน่าจะมีความภูมิใจที่รัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจ แม้จะมีบางคนที่รู้สึกต่อ พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเราสามารถควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ตะเข้ามาในช่วงนี้ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ นอกเหนือจากนี้คณะ ผบ.ทบ.สหรัฐ ถือเป็นคณะแรก ที่เดินทางมาเยือน และเราไม่สามารถปิดประเทศได้ เราต้องมีการค้าและคณะทูตานุทูต ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเช่นเดียวกัน เราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ แม้ว่าทั่วโลกกำลังประสบภัยเช่นเดียวกัน แต่คณะผบ.ทบ.สหรัฐฯ นี้จะเป็นคณะตัวอย่างที่จะปฏิบัติตามกฎ ระเบียบอย่างเคร่งครัด นอกจากนั้นยังมีข้อกำหนดว่าคณะผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐฯเมื่อมาถึงท่าอากาศยานจะต้องมีการตรวจเชื้อโควิด-19 จาก ด้วยคณะแพทย์กระทรวงสาธารณสุขและมีการติดตามคณะโดยตลอด ร่วมกับ คณะแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รวมถึงเจ้าหน้าที่การบินไทยเพื่อดูเป็นโมเดลตัวอย่างว่าในอนาคตต่อไปในระยะเวลาอันใกล้นี้ หากมีคณะอื่นมาเยือนจะได้ปฏิบัติถูกว่าเรามีระเบียบอย่างไร และตรวจเสร็จแล้วก็จะขึ้นรถแยก โดยรถจะมีฉากกระจกกั้นระหว่างคนละขับของไทยและคณะของผู้ที่มาเยือน เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะสัมผัสกันไม่มีแน่นอน ส่วนกระเป๋าสัมภาระจะถูกพ่นยาฆ่าเชื้อเดินทางไม่มีการออกนอกเส้นทาง รวมถึงการรับประทานอาหารในโรงแรมทุกมื้อ ยกเว้นในวันที่ 10 ก.ค.จะต้องไปเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “ซึ่งผมดูแล้วถ้าเราจั่วหัวข่าวให้ในเชิงสร้างสรรค์ ผมว่าประเทศก็คงน่าอยู่ไม่เกินข้อขัดแย้งถกเถียงกันมาก ถ้ามีการปฏิเสธไม่ทำเป็นอีกเรื่อง แงผมได้ยินมาเป็นอาทิตย์เป็นสัปดาห์และผมเองก็ไม่สบายใจ” ผบ.ทบ.กล่าว เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้เลื่อนกำหนดการนี้ออกไป แต่ทางสหรัฐไม่เลื่อน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า นายกฯไม่เคยบอกให้เลื่อน บอกแต่ว่าหากมาต้องปฏิบัติตามกฎ เพราะนายกฯรับทราบว่า การฝึกเป็นการฝึกต่อเนื่อง รวมถึงการแลกเปลี่ยน เช่นใน ก.ย. ปีนี้ เราจะต้องส่งนักบิน 2 นายไปทำงานที่สหรัฐกับกองทัพบกสหรัฐเป็นเวลา 2 ปี ขณะเดียวกัน สหรัฐฯก็ส่งนักบินแบล็คฮ็อค มาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์การบินทหารบก ในฝูงบินแบล็คฮ็อค เช่นเดียวกันในเวลา 2 ปีเช่นกันและเราส่งนายทหารจากกรมทหารราบที่ 112 หรือกรมไสตเกอร์ ไปปฏิบัติงานทีสหรัฐฯ2 ปีเช่นกัน และสหรัฐณก็ส่งคนของเขามาปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน นี่คือความสัมพันธ์ที่ประเทศไทยจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทึกประเทศ เพราะเราเป็นมิตรกับประเทศการลงนามต่างๆเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศความเข้าใจอันดีและไม่มีอะไรที่จะทำให้ ต้องวิตกกังวล เมื่อถามว่า สหรัฐฯ ต้องการที่จะมาใช้พื้นที่ของไทยเพื่อตั้งเป็นฐานทัพ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เช่น เรากับสิงคโปร์มีพื้นที่ฝึกที่จ.กาญจนบุรีมานานแล้ว และลงนามเซ็นสัญญากันทุก 3 ปีและ 5 ปี โดยใน 1 ปี ต้องมองว่า กองทัพสหรัฐฯเข้ามาฝึกร่วมกับมิตรประเทศในรหัสของ คอบร้าโกลด์ และมีกี่ประเทศที่เข้าร่วมและแต่ละครั้งนอกเหนือจากการพัฒนาหลักนิยม หรือการฝึกฝนของกำลังพลของกองทัพบก ยังได้ในเรื่องการท่องเที่ยวชื่อเสียงของประเทศ ยืนยันไม่ได้มีการมาตั้งฐานทัพแต่มีการฝากอุปกรณ์ในช่วงที่มีการฝึกเท่านั้น อย่าสร้างอะไรที่เป็นประเด็นความขัดแย้งในภูมิภาค