เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน นำโดยนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกมธ. แถลงถึงกรณีตรวจสอบการใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการสืบสวน สอบสวนคดีน้องชมพู่ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร โดยได้ข้อสรุปว่า 1.ไม่พบอาหารในกระเพาะอาหาร 2.ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยบาดเจ็บที่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้(พบเพียงรอยขูดขีด) 3.ไม่พบการล่วงละเมิดทางเพศ เนื่องจากมีความสมบูรณ์ของเยื่อพรหมจารี 4.สรุปเหตุแห่งการตาย ไม่ทราบสาเหตุเนื่องจากศพเน่า และไม่พบร่องรอยที่ทำให้บาดเจ็บจนเสียชีวิต 5.จากการชันสูตรในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 คาดว่าเสียชีวิตประมาณ 2 วันก่อนชันสูตร คือประมาณวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ดังนั้น กมธ.จึงเห็นว่าการสอบสวนควรให้นำหลักทางนิติเวชและนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญแห่งคดีมาประกอบการพิจารณาสืบสวนสอบสวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นายสิระ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าในวันพุธ ที่ 15 กรกฎาคม ทางกมธ.จะเชิญพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ซึ่งรับผิดชอบคดี รวมทั้งหมอที่ทำการชันสูตรทั้ง 2 ครั้ง เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับกมธ.ว่าตำรวจกำลังทำอะไรกันอยู่ มีการตั้งธงหรือไม่ หรือต้องการหาแพะหรือไม่ “ขณะนี้สื่อที่ลงไปทำข่าวในพื้นที่ มีการนำเสนอข่าวแบบชี้นำ ขายข่าว จนทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเสียหาย เพราะถูกตำรวจในพื้นที่ไปไล่ตรวจดีเอ็นเอ ขณะที่มีอดีตนายตำรวจซึ่งเป็นนักสืบก็ไปชี้นำคดีอีก สร้างแรงกดดันทำให้ตำรวจในพื้นที่ทำคดีออกมาในรูปแบบที่เหมือนมีธง ผมอยากรู้ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังทำอะไรกัน ในฐานะประธานกมธ.จะปฏิรูปกระบวนการสอบสวนตำรวจไม่ให้มีธงในลักษณะนี้อีก” นายสิระ กล่าว ด้านนพ.ภาณุวัฒน์ ชุติวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโรงพยาบาลจุฬาฯ ในฐานะที่ปรึกษากมธ. กล่าวว่า จากผลการชันสูตรของแพทย์ในครั้งที่ 1 และ 2 ต่างเห็นตรงกันว่าไม่แตกต่างกัน เนื่องจากพบว่าไม่ได้มีบาดแผลจากการถูกทำร้าย และไม่มีบาดแผลจากการทารุณกรรมทางเพศ แต่มีร่องรอยบาดแผลบริเวณใกล้เคียงกับอวัยวะเพศ ซึ่งต้องยอมรับว่าสาเหตุการตายนั้นยังระบุไม่ได้ เพราะศพเน่ามาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้บอกความจริงได้ไม่หมด