เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ว่า ส่วนตัวจะทำงานให้เต็มที่ เพราะกฎหมายงบประมาณฉบับนี้จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จะจบลงเมื่อไร แต่เท่าที่ตรวจสอบการจัดทำงบประมาณย้งจัดสรรงบประมาณตามกรอบเดิม ไม่ได้เป็นการทำงบประมาณในภาวะวิกฤต ซึ่งโจทย์เดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมแล้ว ส่วนตัวมีความกังวลเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้มีการใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงเพื่อรับมือสถานการณ์ในอนาคต นายธนาธร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤตการกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระให้ลูกหลาน ซึ่งในวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เวลานั้นประเทศไทยได้กู้เงินจากต่างประเทศถึง 1.2 ล้านล้านบาท เป็นเวลา 23 ปีผ่านมาแล้ว เราเพิ่งจ่ายเงินต้นของเงินกู้จำนวนนี้ 4 แสนกว่าล้านบาทเท่านั้น และยังเหลือต้นอยู่อีก 8 แสนล้านบาท ยังจ่ายไม่หมดจนถึงทุกวันนี้แล้วมันมาเบียดบังเป็นภาระงบประมาณในปัจจุบัน และต้องจ่ายดอกเบี้ยถึงปีละ 6-7 หมื่นล้านบาท เป็นเงินจำนวนเท่าไรก็เทียบได้กับรถไฟฟ้าหนึ่งสาย เฉพาะดอกเบี้ยก็เบียดบังรายได้ที่เราจะนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ดังนั้นเงินกู้รอบนี้หากใช้ไม่ดีก็จะเป็นภาระไปถึงลูกหลานต่อไป อีกกี่ปีไม่รู้จะใช้หมด เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบทางจริยธรรมของพรรคก้าวไกลที่เสนอชื่อนายธนาธรเข้ามเป็น กมธ.งบประมาณนั้น อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบปล่อยให้เป็นเรื่องของคนที่ไม่พอใจไปดำเนินการกันเอง ยืนยันว่าการทำงานของเราไม่ผิดกฎหมาย เพราะสิทธิที่เราถูกตัดนั้น มีเฉพาะสิทธิเลือกตั้งและการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง แต่เรายังมีสิทธิ์ในฐานะพลเมืองที่สามารถออกความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ได้ เมื่อถามว่าจะอยู่ในตำแหน่ง กมธ.งบประมาณ จนสภาพิจารณาร่างกฎหมายเสร็จสิ้นกระบวนการหรือไม่ นายธนาธร หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า"ครับ คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น" เมื่อถามว่าส่วนตัวจะมีการเสนอให้มีการตัดงบประมาณในส่วนใดบ้าง นายธนาธร กล่าวว่า มีงบประมาณหลายรายการที่เห็นว่าไม่มีประสิทธิภาพและต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งเชื่อว่าการทำงานใน กมธ.จะเกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลที่เราเสนอไปนั้น ผู้มีอำนาจจะได้รับฟังและพิจารณา