เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ยื่นร่างพ.ร.บ.ป้องกัน และปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ...ต่อนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯต่อไป โดยนายสิระ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้ดำเนินการมาตั้งแต่นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งเป็นกฎหมายป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจคุกคามประชาชน เพื่อคุ้มครองและให้ความเป็นธรรมกับประชาชน หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตนจะติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด เพราะเราไม่มีสภาฯมานาน ข้าราชการหรือหน่วยงานประจำจะออกระเบียบเอง แต่ตอนนี้เรามีสภาที่มาจากประชาชนแล้ว รัฐบาลจะต้องฟังเสียงของประชาชน ผมจะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้คณะกรรมาธิการฯได้พิจารณาเสร็จแล้วมีส.ส.ลงชื่อ 100 คน จากทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล จะเห็นได้ว่าสภาฯให้ความสำคัญต่อกฎหมายที่ต่อต้านการซ้อมทรมานและการทำให้คนสูญหาย นอกจากนี้ มีมติตั้งคณะทำงานเรื่องการกู้เงินจากสหกรณ์อาชีพครูที่จังหวัดอำนาจเจริญ และตั้งคณะทำงานกลั่นกรองเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ภายหลังมีประชาชนส่งเรื่องมายังคณะกรรมาธิการฯจำนวนมาก ทำให้ต้องมีวิธีการกลั่นกรองเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน วันที่ 17 ก.ค.คณะกรรมาธิการฯจะไปหารือกับสภาทนายความเพื่อหารือร่วมกันในการทำงาน รวมทั้งจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกประวัติอาชญากรรมภายหลังที่คดีสิ้นสุดแล้ว ด้านน.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ต่างประเทศให้ความสำคัญมาก เมื่อประเทศไทยดำเนินการเรื่องนี้แล้วจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งกฎหมายดังกล่าวถูกเสนอโดยพรรคการเมืองทุกพรรคในสภาฯ ดังนั้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง แต่พรรคการเมืองก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี