"สุเทพ"เผยรอ"บิ๊กตู่"ปรับครม. ย้ำ"เอนก"เหมาะนั่งรมว.แรงงานยกระดับเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ ส่วน"นักวิชาการ"เห็นต่างเชื่อ"เอนก" เหมาะนั่ง"รมว.อว." แนะ"บิ๊กตู่"เลือก"สุชาติ ชมกลิ่น" คุม"แรงงาน" ส่วน"อนุสรณ์" จี้"บิ๊กตู่"เร่งจัดเลือกตั้งท้องถิ่น ชี้ ถ้ามั่นใจไม่มีอะไรต้องกลัว "สุดารัตน์"เหน็บนายกฯ หยุดซื้ออาวุธสักปีเอางบช่วย"เกษตรกร-คนตกงาน" ขณะที่"หมอวรงค์"แฉซ้ำ15ชื่อ "เมย์เดย์เมย์เดย์" ของคณะก้าวหน้าไร้ตัวตนเป็นอวตาร "พิมพ์รพี" ไม่ขัด"ธนาธร"นั่งกมธ.งบฯ ขอทำงานสร้างสรรค์ อย่าใช้เวทีเล่นเกมการเมือง แนะ"ฝ่ายค้าน-รบ."ไม่แบ่งฝ่าย รักษาผลประโยชน์ปชช. ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.63นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังทำบุญเนื่องในวันเกิดครบรอบ 71 ปี โดยมีคนใกล้ชิดมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทยเข้าอวยพร ว่า เนื่องในวันเกิดปีนี้ไม่ได้อยากได้ของขวัญอะไรมาก แต่ขอเชิญชวนผู้ร่วมอุดมการณ์ ญาติพี่น้องทุกคนผนึกกำลังทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองเรายังไม่ได้ถึงจุดที่อยู่รอดปลอดภัย จำเป็นจะต้องรวมพลังกันทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคน รับใช้เบื้องยุคลบาท เพื่อพาประเทศพ้นวิกฤติทั้งหลาย ในฐานะแกนนำของรปช.ก็จะชักชวนกรรมการบริหารพรรคทุกคนร่วมกันระดมสมองและมอบให้นายเอนกไปเป็น รมว.แรงงาน เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของนายกรัฐมนตรีและภาระของรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของครอบครัวผู้ใช้แรงงาน ที่ประสบภาวะการว่างงานจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการทำงานครั้งนี้ และผนวกกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและดิจิทัล นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คราวนี้เราจะทำให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญของบ้านเมือง ซึ่งขณะนี้ตนได้รับคำถามบ่อยมากว่ายังจะได้ดูแลตำแหน่ง รมว.แรงงานอยู่หรือไม่ ก็ขอเรียนว่าประเทศไทยวันนี้ต้องฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพียงคนเดียว และเรามีหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจกับพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทุ่มเททำงาน นำความสุขกลับมาให้ประชาชน ซึ่งนายกฯก็ประกาศชัดเจนโดยที่ตนไม่ได้พูดจาประสบสอพลอ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรด้วย "การที่นายกฯ ออกแถลงการณ์ล่าสุดเรื่องการรับฟังข้อเสนอ ข้อคิดเห็นจากประชาชน เพื่อให้ประชาชนช่วยกันคิด ทำงานเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน และให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินผลงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งถ้าคนอื่นพูด ตนก็คิดว่าเป็นวาทกรรม แต่เมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดผมก็เชื่อว่านายกฯ คิดและเชื่อมั่น ยึดถือตามแนวทางนั้นจริง จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของประเทศไทยให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างจริงใจ ดังนั้นพวกเรามีหน้าที่ช่วยนายกฯ ทำงาน ส่วนใครจะมีข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวปล่อย เราอย่าไปเสียเวลา ยึดพล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก" นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เมื่อนายกฯ เห็นว่ารปช.เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไว้ใจให้ไปดูแลกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีประชาชนซึ่งเป็นลูกจ้าง เป็นผู้ใช้แรงงานจำนวนมากในประเทศไทย โดยเวลาไปทำงานเราช่วยกันทำงานทั้งพรรค ซึ่งนายอเนกก็เป็นหัวหน้าคณะทำงานช่วยคิดนโยบาย คิดแผนงานให้กระทรวงแรงงานทำมาโดยตลอด ตอนนี้ก็เป็นประธานยกร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ซึ่งเราจะแก้ไขเพื่อให้ระบบประกันสังคมมีประสิทธิภาพ อำนวยประโยชน์ให้กับนายจ้างลูกจ้างมากขึ้น และพวกเราทั้งพรรคช่วยกันยกร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งธนาคารประกันสังคม ซึ่งเหล่านี้เป็นงานที่เราคิดและทำเพื่อดูแลแรงงานนอกระบบ รวมถึงแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ ครอบครัว ผู้ใช้แรงงานที่ได้เสนอต่อนายกฯ และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว ซึ่งเราจะสานต่องานที่เราทำมาต่อไป นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับจังหวะเวลาที่จะปรับครม. ต้องขึ้นอยู่กับนายกฯ พวกเราเข้าใจสถานการณ์ดีว่าจะต้องมีจังหวะมีเวลา และขณะนี้หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก็คือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่ยังทำงานให้นายกฯ อยู่ และตนก็ยังไม่ได้ยินเสียงของนายกฯ ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย และทุกวันนี้ก็เท่ากับว่านายกฯ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเสียด้วยซ้ำไป นายกฯ ใส่ใจทุกเรื่องทุกประเด็นไม่ได้มีปัญหาอะไร ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตั้งกลุ่มการเมือง ว่า มีการประชุมและวิเคราะห์ว่า การเมืองไทยจะเป็นอย่างนี้อย่างน้อย 2-3 ปี ดังนั้นจึงไม่เร่งดำเนินการ และให้เกิดการตกผลึก เพื่อให้มีความคล่องตัว ส่วนที่หลายคนถามว่าในอนาคตกลุ่มจะเป็นอะไร ก็อยู่ที่ผลงานของกลุ่มการเมือง หากทำงานแล้วไม่มีผลงานก็ต้องจบ แต่ถ้าทำงานและมีผลงานที่ดีในอนาคตประชาชนจะเรียกร้องให้เราพัฒนาเป็นพรรคการเมืองก็ได้ เหตุผลที่เรายังไม่ทำเป็นพรรคการเมือง เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งพวกเราไม่มีเงิน แต่กลุ่มการเมืองไม่ต้องใช้เงิน รวมตัวกันก็สามารถทำได้ ตนยืนยันว่าตนยังเป็นนักการเมือง และพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ทั้งนี้ นพ.วรงค์ ได้ทำสัญลักษณ์มือชู 3 นิ้ว พร้อมกล่าวอธิบายว่า สัญลักษณ์นี้เรียกว่า วิตรรกมุทรา หมายถึง การให้ความรู้ การถกแถลงด้วยปัญญา ซึ่งตรงกับแนวทางการต่อสู้ของกุล่ม ไม่ใช่วิธีการเผชิญหน้าหรือทำม็อบ แต่เราจะใช้ข้อเท็จจริงไปสู้ เช่นกรณีเงินโอนของคณะก้าวหน้าเราก็ใช้ข้อเท็จจริงสู้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภารกิจของกลุ่มการเมืองเพื่อตรวจสอบคณะก้าวหน้าใช่หรือไม่ นพ.วรงค์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เราจะมียุทธศาสตร์ที่จะเสนอเพื่อหาทางออกให้ประเทศ แต่กรณีเรื่องเงินโอนขึ้นก่อน เป็นเรื่องที่เปิดเผยโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ และตอนที่ นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อตีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ออกมาให้ข้อมูล ซึ่งส่วนนี้ต้องให้เครดิตเขา จากนั้นฝ่ายคณะก้าวหน้าออกมาขู่ว่าจะฟ้องกลับ แต่ก็ไม่ฟ้องจริง มันก็ทำให้เราสงสัย เราเป็นนักการเมืองก็รู้ว่าไม่ปกติ ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Warong Dechgitvigrom หลังจากเมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ได้เปิดเผย 15 รายชื่อที่สงสัยว่ามีการโอนเงินจากโครงการ "เมย์เดย์เมย์เดย์" ของคณะก้าวหน้า จริงหรือไม่ว่า "ด่วน...โอนเงินให้อวตาร ผมได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า รายชื่อ 15 รายชื่อ ที่ขอดูเสตทเม้นการโอนเงินจากคณะก้าวหน้า ตามที่ขอ ล้วนแล้วแต่เป็นอวตาร ไม่มีตัวตนจริงในโลกใบนี้ แต่ถ้าคณะก้าวหน้า มีรายชื่อให้ดูได้ ผมก็พร้อมจะตรวจสอบ ขอย้ำว่า นี่เป็นการตรวจสอบ ที่นำหลักฐานรายชื่อมาแสดง ไม่ได้กล่าวลอยๆและเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ที่สำคัญเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ต้องโปร่ง ใส ให้ตรวจสอบได้ครับ #โอนเงินให้อวตาร #เมย์เดย์เมย์เดย์ลวงโลก #ฉ้อโกงประชาชน" รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) สนับสนุน นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ จากพรรค รปช. เหมาะสมดูแลแรงงาน โดยเห็นว่านายเอนกเหมาะสมที่จะดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) มากกว่า เพราะนายเอนกเป็นนักวิชาการที่มีความสามารถและประสบการณ์สูง จึงเชื่อว่าจะเข้างาน และผลักดันการพัฒนาคน และนวัตกรรมต่างๆ โดยเฉพาะยังบูรณาการงานส่วนต่างๆ ให้ตอบโจทย์ และสอดคล้องกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังยุคโควิด-19ได้เป็นอย่างดี "ตามโผรายชื่อที่เผยแพร่ออกมาตามสื่อฯ เห็นว่ามีคนที่เหมาะอยู่ เช่น นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะเมื่อดูโปรไฟล์ ก็ผ่านความลำบาก และเคยเป็นจับกัง ต้องต่อสู้ชีวิต จึงเข้าใจ คนหาเช้ากินค่ำและตัวเขายังผ่านงานต่างๆกระทั่งนำพาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงถือว่าไม่ธรรมดา น่าจะมีฝีมือมีความสามารถ ถึงทำได้แบบนี้ ประกอบกับยังมีฐานการเมืองที่เข้มแข็งและมี ส.ส.ในเครือข่ายไม่น้อยกว่า20คน ที่สนับสนุน และที่ผ่านมาก็เห็นความสามารถในการคิดแสดงความคิด แก้ปัญหาในภาคแรง งานได้ตรงประเด็น และตั้งใจทำงานในช่วงต่อสู้กับโควิด -19 จึงถือว่ามีความเหมาะสม" ส่วน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุจะจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นในปีนี้ ว่า ประชาชนที่ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถทำตามคำพูดที่ประกาศไว้ พล.อ.ประยุทธ์ จะหลบหลังโควิด เพื่ออ้างเหตุไม่จัดเลือกตั้งท้องถิ่นก็อ้างไม่ได้แล้ว และต้องเร่งสร้างไทม์ไลน์เลือกตั้งท้องถิ่น ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว ประชาชนจะได้เข้าถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกผู้นำท้องถิ่นด้วยตัวเอง "ถ้าพล.อ.ประยุทธ์มั่นใจในคะแนนนิยมของตัวเอง ไม่มีอะไรต้องกลัว รัฐบาลควรแสดงความจริงใจ เร่งจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น จะเปิดหัวเริ่มประเดิมสนามแรกด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ยิ่งดี จะได้เป็นการทดสอบคะแนนนิยมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่าดีตามที่ลูกหาบพยายามแห่หรือไม่" ส่วน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องชำแหละ งบประ มาณปี 64 ตอนที่ 2 โดยมีเนื้อหาสรุปว่า งบเสริมสร้างกำลังกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพของกระทรวงกลาโหม ตั้งผูกพันตั้งแต่ปี 61-66 โดยปี 64 ยังเหลืออยู่ 117,000 ล้านบาท แต่ยังมาตั้งงบใหม่ในปี 64 อีกเกือบ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งงบสร้างเสริมยุทโธปกรณ์ บวกซ่อมแซมอีกกว่า 10,000 ล้านบาท จึงเห็นว่าควรเอาเงินกว่า 40,000 ล้านบาทนี้ ไปจ้างเกษตรกรปลูกพืช ปรับปรุงดินและช่วยค่าปรับปรุงการผลิตให้ใช้สารเคมีน้อยลง เพื่อปูพื้นฐานไปสู่การผลิตอาหารปลอดภัยครัวเรือนละ 15,000 บาท จะได้ประโยชน์คุ้มค่ากว่า เพราะจะช่วยเกษตรกรได้เกือบ 3 ล้านครอบ ครัว และสร้างรายได้ใหม่ให้เกษตรกร และช่วยให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย "ดิฉันขอถามพล.อ.ประยุทธ์ว่า หยุดซื้ออาวุธ หยุดสร้างอาคารใหม่ หยุดเช่ารถใหม่สักปีจะได้ไหม เพื่อนำเงินจำนวนนี้มาช่วยเกษตรกร และคนตกงาน 8.3 ล้านคนจะดีกว่า ในยามที่ประเทศกำลังเผชิญสึนามิเศรษฐกิจ ซึ่งดิฉันเชื่อว่าพี่น้องทหารมืออาชีพส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะยอมเสียสละ หยุดซื้ออาวุธ หรือหยุดสร้างอาคารสัก 1-2 ปี แต่คนที่ไม่ยอมตัดงบเหล่านี้มาช่วยชาวบ้าน น่าจะเป็นพวกที่มีอำนาจใช่หรือไม่ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ารัฐมนตรีกลาโหมที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมตัด เพื่อไทยจะตัดในกรรมาธิการเอามาให้ประชาชนเอง" วันเดียวกัน น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล กรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ไม่ขัดข้องที่พรรคก้าวไกลเสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นกรรมาธิการชุดนี้ แต่ขอให้เข้ามาทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อ ดูแลงบประมาณให้ไปถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ใช้เวทีกรรมาธิการงบประมาณ กล่าวหาหรือโจมตี เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง เหมือนที่เคยทำในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งโจมตีแต่กองทัพ กระทรวงกลาโหม สุดท้ายก็ลาออกจากการเป็นกรรมาธิการฯไป โดยให้เหตุผลว่า จะขออยู่กับประชาชน โดยตอนนี้นายธนาธร ก็มีโอกาสได้ทำงานการเมืองนอกสภาเดินสายพบประชาชนอยู่แล้วเมื่อตัดสินใจจะกลับเข้ามาทำงานกรรมาธิการเพื่อพิจารณางบประมาณอีกครั้ง ก็อยากให้ทบทวน การทำงานของตนเอง และปรับปรุงเพื่อไม่ให้ เกิดข้อครหาใดๆขึ้นมาอีก ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า นายธนาธรเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ หากใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะเกิดประโยชน์ให้กับบ้านเมือง "ในฐานะส.ส.สมัยแรกที่ได้โอกาสเป็นกรรมาธิการงบประมาณ มีคนพูดกันเยอะว่าคนเป็นกรรมาธิการต้องเขี้ยวลากดิน ดิฉันไม่มีเขี้ยว มีแต่เจตจำนงที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ให้ประชาชนเท่านั้น จึงอยากเห็น กรรมาธิการชุดนี้ไม่แบ่งฝ่ายค้านรัฐบาล แต่ทำงานโดยยึดประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีเกมการเมืองใดๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ดีก็ว่าดีถ้าไม่ถูกต้องก็เสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไข และยังเห็นว่ามีเรื่องที่ควรปรับปรุง กระบวนการจัดทำงบประมาณใหม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ไปถึงประชาชนอย่างแท้จริงโดยควรต้องมีกระบวนการประเมิน