เป็นช่วงเวลาระทึกใจกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่กำลังอาละวาดประเทศญี่ปุ่น เจ้าของฉายาแดนซามูไร จนสร้างความพังพินาศในหลายพื้นที่ ณ เวลานี้ สำหรับ ปรากฏการณ์แห่งฤดูกาลของมรสุม ภาวะฝนตกหนัก จนก่อให้เกิดน้ำท่วมสูงฉับพลัน และยังทำให้ดินโคลนเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ประสบเหตุในช่วงเวลาต่อมา โดยพื้นที่ที่กำลังผจญชะตากรรมข้างต้น ณ ชั่วโมงนี้ ก็เป็นที่ “เกาะคิวชู” เกาะใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ภายหลังจากมีฝนตกหนักตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนที่ตกลงมา หนักหนาสาหัสเพียงใดนั้น ตามการเปิดเผยของ “สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น” หรือ “เจเอ็มเอ (JMA : Japan Meteorological Agency)” ระบุว่า เฉลี่ยปริมาณฝนที่ตกลงมาก็อยู่ที่ 100 มิลลิเมตร หรือ 4 นิ้วต่อชั่วโมง สะสมเป็นหลายสิบชั่วโมง ก็ทำให้เกิดปริมาณน้ำฝนจำนวนมหาศาล ก่อนจะทะลักท่วมสูงอย่างฉับพลัน เฉียบพลันในหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง พื้นที่ที่ฝนตกกระหน่ำเทลงมาหนักที่สุดบนเกาะคิวชู ก็ได้แก่ ในพื้นที่ “จ.คุมาโมโตะ” ซึ่งฝนที่เทลงมาอย่างหนัก ก็ให้ปริมาณน้ำใน “แม่น้ำคุมะ” เอ่อท่วมสูงพ้นตลิ่ง และมีรายงานพนังกั้นน้ำในหลายจุดของแม่น้ำคุมะแห่งนี้ ก็ถึงขั้นภินท์พัง ทำให้น้ำได้ท่วมสูงฉับพลันเป็นบริเวณกว้างออกไป ในพื้นที่หลายเมืองของ จ.คุมาโมโตะ อาทิเช่น เมืองฮิโตโยชิ เป็นต้น ทั้งนี้ นอกจาก จ.คุมาโมโตะ แล้ว ก็ยังมี “จ.คาโกชิมะ” ที่อยู่ใกล้ชิดติดกัน บนเกาะคิวชู ก็เผชิญกับภาวะฝนตกหนัก และน้ำท่วมสูงฉับพลันด้วยเช่นกัน ท่ามกลางการรายงานจากบรรดาสำนักข่าวท้องถิ่นในญี่ปุ่น ระบุว่า หลายพื้นที่ ใน จ.คุมาโมโตะ และ จ.คาโกชิมะ ประชาชนต้องอยู่ในสภาพไม่มีไฟฟ้าใช้ และถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะเส้นทางคมนาคม และการสื่อสารโทรคมนาคม ถูกทั้งมหาอุทกภัย และดินโคลนถล่ม ตลอดจนพิษภัยของฝนฟ้า ที่พาให้สถานการร์เป็นไปอย่างเลวร้าย โดยมีตัวเลขของความสูญเสียเป็นชีวิตของประชาชน ก็มีรายงานว่า ถูกคร่าชีวิตไปแล้วกว่า 52ราย ไม่นับที่ยังสูญหาย เพราะไม่ทราบชะตากรรมว่า เป็นตายร้ายดีอย่างไรกันอีกต่างหาก และเป็นที่น่าสลดใจว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตข้างต้น อย่างน้อย 14 ราย พบร่างอันไร้วิญญาณในสถานที่เดียวกัน นั่นคือ “บ้านพักผู้สูงอายุ” หรือ “บ้านพักคนชรา” ใน จ.คุมาโมโตะ ซึ่งประสบกับภาวะน้ำท่วมสูงฉับพลันอย่างหนัก จนผู้สูอายุหลายราย เกิดอาการช็อก หัวใจวายฉับพลัน เฉียบพลัน เพราะตกใจกลัวกับพิบัติมหาอุทกภัย ที่กระแสน้ำไหลเอ่อท่วมในพื้นที่บ้านพักของพวกเขาก็มี ขณะที่ เหยื่อผู้เสียชีวิตจำนวนนับสิบราย ถูกพบจากใต้ซากปรักหักพังของดินโคลนถล่มในพื้นที่ต่างๆ ทั้งใน จ.คุมาโมโตะ และ จ.คาโกชิมะ นอกจากนี้ ในส่วนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพิบัติมหาอุทกภัย อันสืบเนื่องจากปรากฏการณ์ฝนตกหนักข้างต้น ก็มีรายงานด้วยว่า กว่า 80,000 คน ทั้งใน จ.คุมาโมโตะ และ จ.คาโกชิมะ ต้องมีชีวิตอยู่ในสภาพขาดการติดต่อจากโลกภายนอก และไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่ อีกกว่า 200,000 คน ต้องหนีน้ำอพยพออกจากบ้านเรือน ไปพำนักอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือไม่ก็เป็น “ที่สูง” ที่น้ำท่วมไม่ถึง ถึงขนาดที่ทางการญี่ปุ่นเอง โดย “นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ” ต้องประกาศเตือนภัยให้ประชาชนระมัดร ะวังเตรียมพร้อมกันในระดับสูงสุด (Maximum alert) เลยทีเดียว พร้อมกันนั้น ก็ได้มีคำสั่งให้คณะเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต่างๆ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งเทียบได้กับเจ้าหน้าที่ทหารของทางกองทัพในประเทศต่างๆ จำนวนอีกกว่า 40,000 นาย ลงไปให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ท่ามกลางปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากถนน สะพาน ตลอดจนสิ่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ ได้ถูกทั้งลม ทั้งฝน ที่เทลงมาอย่างคะนองฟ้า และน้ำท่วมสูงอย่างฉับพลัน เฉียบพลัน และรุนแรง พัดกระหน่ำจนได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายพื้นที่ ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติข้างต้น ก็ต้องบอกว่า เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เฉียบพลัน และไม่มีใครคาดคิด แม้กระทั่งทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของทางการญี่ปุ่นเอง หรือเจเอ็มเอ ก็ยังระบุว่า ในพื้นที่ภูมิภาคแห่งนั้น ไม่เคยเกิดฝนตกหนักอย่างชนิดไม่ลืมหู ไม่ลืมตา จนก่อเกิดให้มหาอุทกภัยตามมาเฉกเช่นที่เห็นนี้มาก่อน ด้วยประการฉะนี้ จึงมิได้แจ้งภัยจากสภาพดินฟ้าอากาสเตือนให้ประชาชนทราบเพื่อเตรียมรับมือกันล่วงหน้า