เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา(6 ก.ค.63)ที่บริเวณริมถนน หน้าโรงเรียนบ้านพารา ม.4 ต.ป่าคลอก ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กลุ่มอาสาสมัครและชาวบ้านในพื้นที่ต่างโผเข้ากอดกันความดีใจ หลังสามารถใช้รถแบ็คโฮดันต้นยางนาขนาดใหญ่ อายุกว่า 300 ปีที่ทำการขุดล้อมไว้ก่อนหน้าให้ล้มลงได้ ก่อนที่ใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกขึ้นจากหลุม ก่อนเคลื่อนย้ายเข้าไปปลูกไว้ภายในโรงเรียนบ้านป่าคลอก หมู่ที่ 2 ต.ป่าคลอก ซึ่งห่างจากจุดดังกล่าวไปประมาณ 5 กิโลเมตรเพื่อที่จะอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังตามข้อเรียกร้องของชาวโซเชียล รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ต้นยางนาอายุกว่า300ปี ต้นดังกล่าว เดิมทีตั้งอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามโรงเรียนบ้านพารา แต่ปัจจุบันกำลังมีโครงการขยายพื้นผิวจราจร เป็น 4 เลน ส่งผลให้ต้นยางนาดังกล่าวอยู่กลางถนน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีแผนที่จะตัดออก ส่งผลทำให้โซเชียลมีเดียต่างๆแสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ยกเลิกการตัด ขณะเดียวกันกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ก็ได้ออกมาเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชะลอการตัด ก่อนที่จะมีกลุ่มจิตอาสาจากหลายภาคส่วนในภูเก็ตรวมตัวกันขึ้น และร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมทุนทรัพย์เคลื่อนย้ายไปปลูกไว้ภายในโรงเรียนบ้านพารา นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ผู้รับผิดชอบการดำเนินการย้ายต้นไม้ กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มมาจากชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้มีความเสียดายและผูกพันกับต้นไม้ต้นนี้ เมื่อได้ทราบข่าวว่าทางหลวงจำเป็นจะต้องตัดต้นไม้ต้นนี้ เพื่อก่อสร้างถนนจึงระดมความคิดส่งไปยังสื่อออนไลน์ แล้วมีน้องคนหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือมาทางผม ผมเลยอาสาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้ และชักชวนเพื่อนฝูงที่อยู่ในวงการก่อสร้าง วงการเครื่องจักร และวงการต้นไม้ ตอนนี้เราดำเนินการมาได้ 6 วันแล้ว เนื่องจากต้นไม้ต้นนี้สูงมาก เลยจำเป็นจะต้องตัดตอนส่วนข้างบนออกไปประมาณ 15 เมตร ตอนนี้เหลือประมาณ 30 กว่าเมตร จากนั้นก็เริ่มกระบวนการในเรื่องของการล้มและขุดล้อม เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายมากที่สุด วิธีการล้มเราล้มโดยรักษารากไม้ไว้ ต้นไม้ต้นนี้เป็นทรัพย์สินของทางราชการเราคำนึงถึงตรงนี้เป็นหลักเราจึงคัดสรรสถานที่ ที่เป็นส่วนราชการอย่างเดียว จึงย้ายไปที่โรงเรียนบ้านป่าคลอก เพราะมีพื้นที่ที่กว้างขวาง และห่างไกลจากนักเรียนเพราะในสวนของด้านหลัง ทางผู้บริหาร ห้ามนักเรียนเข้าไปในสวนนี้อยู่แล้ว และทางผู้บริหารเองก็มีพื้นฐานการดูแลต้นไม้เป็นอย่างดี เราก็เลยคิดว่าที่นี่เป็นที่ที่เหมาะสมที่สุด ชาวบ้านรายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ)กล่าวว่า จากที่ทราบข่าวว่าจะมีการเคลื่อนย้ายต้นไม้ชาวบ้านก็มีความรู้สึกเสียดาย และไม่อยากให้ตัดเพราะว่าเป็นต้นไม้ที่ใหญ่และอยู่มานานมาก แต่ก็ดีใจที่ไม่ได้ตัดแล้วเพราะว่าจะได้อนุรักษ์ต้นไม้เอาไว้ให้คู่บ้านคู่เมืองกับชุมชน พาไปปลูกดีกว่าตัดทิ้ง ขณะที่อดีตผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ)กล่าวว่า การย้ายต้นไม้ต้นนี้มีอุปสรรคในการทำงานมากๆ แต่เราอยากให้ต้นไม้ต้นนี้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้กับเมื่อก่อนไม่เหมือนกัน เป็นมาของต้นไม้ต้นนี้มีมาเป็นศตวรรษแล้ว 300 ปีขึ้นไปตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า พวกเราขอให้ทุกท่านที่ผ่านไปผ่านมาที่ไม่สะดวกก็ต้องขออภัยด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องการย้ายต้นไม้ต้นนี้ไปอยู่ในสภาพเดิม เพราะเรามีความลึกซึ้งมากกว่าที่จะตัดทิ้ง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะทำการขุดล้อมเตรียมเคลื่อนย้ายได้เกิดอุปสรรคหลายอย่างทำให้เกิดความล่าช้า เช่น พื้นทรุด ดินล้อมรอบโคนต้นแตกร้าว ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย จนกลุ่มอาสาสมัครผู้ร่วมในการเคลื่อนย้ายต้องใช้ความเชื่อเข้าไหว้ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงสามารถทำการเคลื่อนย้ายได้สำเร็จ