เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 ก.ค.63 ที่ สน.โคกคราม ว่าที่ร้อยตรีบุญเกื้อ ปุสสเทโว อตีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ ภิญโญ ผกก.สน.โคกคราม เพื่อขอลงบันทึกประจำวันพร้อมมอบหลักฐาน เป็นรายชื่อผู้บริจาคและจำนวนเงินของผู้บริจาค ให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กรณีเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ เงิน 7.2 ล้านบาท ของคณะก้าวหน้า ที่เปิดรับบริจาคช่วยเหลือประชาชนช่วง "โควิด-19" ที่มีข้อพิรุธและความไม่โปร่งใส
ว่าที่ร้อยตรีบุญเกื้อ กล่าวว่า วันนี้นำหลักฐานเป็นบัญชีรายชื่อและสเตทเม้น ของผู้บริจาคในโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ ของคณะก้าวหน้า ซึ่งตนติดตามโครงการนี้มาโดยตลอด โดยโครงการนนี้เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งตนก็เป็นประชาชนธรรมดาและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบริจาคโดยตนบริจาคไป 1 สตางค์ ที่บริจาคแค่นี้เพราะเห็นว่าได้ยอดเยอะแล้ว ถึงจะเป็นเงินไม่มากก็น่าจะมีสิทธิ์ตรวจสอบความโปร่งใส
ที่มีกระแสข่าวว่าตนรับงานมาจากใครหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าตนมาทำหน้าที่ขอประชาชนไม่มีใครสามารถมาสั่งให้ตนทำอะไรได้ สำหรับโครงการนี้ตนตั้งข้อสังเกตหลายอย่าง เช่นการเปิดรับบริจาคไม่ควรจะใช้บัญชีส่วนตัวของคุณช่อพรรณิการ์ การรับบริจาคขนาดนี้น่าจะเปิดบัญชีในรูปแบบขององค์กร ที่จะต้องมีคนร่วมเปิดบัญชีร่วมกัน 3-4 คน รวมถึงเพิ่งมีการประกาศรายชื่อผู้ร่วมบริจาคทั้งๆที่แถลงข่าวปิดโครงการไปนานแล้ว เป็นต้น และหาก น.ส.พรรณิการ์ จะนำสเตสเม้นมาชี้แจง ก็น่าจะเชิญนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม มาดูด้วยก็น่าจะมีความชัดเจนและน่าจะจบด้วยดี อย่างไรก็ตามตนไม่ได้กังวลว่าจะถูกดำเนินคดีกลับ ซึ่งได้เตรียมโฉนดที่ดินไว้หากถูกห้องร้องขึ้นมา
ด้าน พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเอกสารไว้ตรวจสอบและเชิญตัวนางสาวพรรณิการ์ รวมถึงคณะทำงานของโครงการมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมนำหลักฐานต่างๆมาตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นไปตามที่ผู้ยื่นเรื่องตรวจสอบอ้างว่าผู้ถูกร้องยินดีที่จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันกับผู้ร้อง ก็ยินดีทั้งนี้หากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อพิรุธในส่วนนี้ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ และถ้าหากพบข้อพิรุธส่วนใดก็ต้องรอให้ผู้ร้องมาแจ้งความดำเนินคดีในภายหลังอีกครั้ง
ว่าที่ร้อยตรีบุญเกื้อ กล่าวว่า วันนี้นำหลักฐานเป็นบัญชีรายชื่อและสเตทเม้น ของผู้บริจาคในโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ ของคณะก้าวหน้า ซึ่งตนติดตามโครงการนี้มาโดยตลอด โดยโครงการนนี้เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งตนก็เป็นประชาชนธรรมดาและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมบริจาคโดยตนบริจาคไป 1 สตางค์ ที่บริจาคแค่นี้เพราะเห็นว่าได้ยอดเยอะแล้ว ถึงจะเป็นเงินไม่มากก็น่าจะมีสิทธิ์ตรวจสอบความโปร่งใส
ที่มีกระแสข่าวว่าตนรับงานมาจากใครหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าตนมาทำหน้าที่ขอประชาชนไม่มีใครสามารถมาสั่งให้ตนทำอะไรได้ สำหรับโครงการนี้ตนตั้งข้อสังเกตหลายอย่าง เช่นการเปิดรับบริจาคไม่ควรจะใช้บัญชีส่วนตัวของคุณช่อพรรณิการ์ การรับบริจาคขนาดนี้น่าจะเปิดบัญชีในรูปแบบขององค์กร ที่จะต้องมีคนร่วมเปิดบัญชีร่วมกัน 3-4 คน รวมถึงเพิ่งมีการประกาศรายชื่อผู้ร่วมบริจาคทั้งๆที่แถลงข่าวปิดโครงการไปนานแล้ว เป็นต้น และหาก น.ส.พรรณิการ์ จะนำสเตสเม้นมาชี้แจง ก็น่าจะเชิญนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม มาดูด้วยก็น่าจะมีความชัดเจนและน่าจะจบด้วยดี อย่างไรก็ตามตนไม่ได้กังวลว่าจะถูกดำเนินคดีกลับ ซึ่งได้เตรียมโฉนดที่ดินไว้หากถูกห้องร้องขึ้นมา
ด้าน พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเอกสารไว้ตรวจสอบและเชิญตัวนางสาวพรรณิการ์ รวมถึงคณะทำงานของโครงการมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมนำหลักฐานต่างๆมาตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นไปตามที่ผู้ยื่นเรื่องตรวจสอบอ้างว่าผู้ถูกร้องยินดีที่จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกันกับผู้ร้อง ก็ยินดีทั้งนี้หากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อพิรุธในส่วนนี้ก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ และถ้าหากพบข้อพิรุธส่วนใดก็ต้องรอให้ผู้ร้องมาแจ้งความดำเนินคดีในภายหลังอีกครั้ง