พาณิชย์เผยนำเข้าข้าวภายใต้กรอบอาเซียนเพื่อแปรรูปเท่านั้น ไม่นำมาขายเป็นข้าวสาร ขอให้พี่น้องเกษตรกรสบายใจได้ ยันมีขั้นตอนกำกับดูแลชัดเจน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.63 คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เพื่อให้เป็นไปตามความตกลงที่ไทยจะต้องเปิดตลาดนำเข้าข้าวตั้งแต่ปี 2553 โดยเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการฯได้ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการเปิดตลาดและยกร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอน หลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน สำหรับประกาศฉบับนี้ผ่านการกลั่นกรองจากคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย ผู้แทนจากภาครัฐเช่น กรมการข้าว กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และภาคเอกชนเช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย รวมทั้งตัวแทนเกษตรกรเช่น สมาคมชาวนาข้าวไทย และสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย เป็นต้น ทั้งนี้ขอให้พี่น้องเกษตรกรคลายความกังวลได้ เนื่องจากการนำเข้าข้าวดังกล่าวนั้นจะต้องนำมาแปรรูปในกิจการของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่อนุญาตให้นำข้าวสารเข้ามาขายต่อเป็นเมล็ดอย่างที่กังวล โดยการนำเข้าข้าวภายใต้อาฟต้าต้องได้รับอนุญาตจากคณะอนุกรรมการฯ จึงจะนำเข้าได้ และจะอนุญาตให้นำเข้ามาเพื่อแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารเท่านั้น โดยไม่รวมถึงการสีข้าวของโรงสีเช่น นำมาทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำแป้งข้าวเจ้า เป็นต้น รวมทั้งกำหนดช่วงเวลานำเข้าไม่ให้ตรงกับช่วงเวลาที่ผลผลิตข้าวในประเทศออกด้วย ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในประกาศฯ ไม่ใช่ใครก็สามารถนำเข้าได้ รวมทั้งยังมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากคณะอนุกรรมการฯ ทั้งก่อนการนำเข้าและตรวจสอบว่านำเข้ามาใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ขออนุญาตแปรรูปไว้อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้าว อาทิ พระราชบัญญัติกักพืชของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมศุลกากรจะเป็นผู้กำกับดูแลการนำเข้าข้าวอย่างเข้มงวดโดยปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน โดยการนำเข้าข้าวของไทยที่ผ่านมาเป็นการนำเข้าภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งเก็บภาษีนำเข้าในโควตาร้อยละ 30 และนอกโควตาร้อยละ 52 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าข้าวที่ไม่สามารถผลิตได้ในประเทศไทยเช่น ข้าวญี่ปุ่น (เมล็ดสั้น) ข้าวบาสมาติจากอินเดีย เพื่อใช้ในธุรกิจร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งการนำเข้าข้าวมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับการค้าข้าวภายในประเทศ