วันที่ 4 ก.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่เมียเพิ่งกดเงินให้ผัวเกือบครึ่งแสน หายขึ้นรถไป 10 นาที วิ่งกลับมาบอกโดนปล้น มีดจี้คอ เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สน.บางเขน ว่าได้รับรายงานจาก สน.บางเขน ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.63 เวลาประมาณ 21.00 น. พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นเงินผู้เสียหาย เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ถนนเทพรักษ์ แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ หนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางถึง ได้พบหญิงรายหนึ่ง อายุ 40 ปี และชาย อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นสามีและภรรยากัน โดยจากการตรวจสอบทราบว่า หญิงรายดังกล่าว เป็นคนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าสามีของตน ถูกคนร้ายเป็นชาย 3 คน ปล้นเอาเงินของตนที่พึ่งกดไปให้สามีไปจำนวน 41,000 บาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าชายที่เป็นสามีได้กล่าวอ้างว่า ตนทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมา ณ จุดเกิดเหตุ และได้ให้ภรรยามากดเงินให้ตามจำนวนดังกล่าวเพื่อนำไปซื้อรถจักรยายนต์มือสองและได้โทรหาเพื่อนที่รู้จักกันจากการทำงานกรรมกรก่อสร้างให้มารับเพื่อกลับไปทำงานที่แคมป์ก่อสร้าง โดยหลังจากที่ได้รับเงินจากภรรยาแล้ว ตนจึงได้ขึ้นรถไปกับเพื่อน ซึ่งภายในรถมีผู้ชายอีก 3 คน หลังจากขึ้นรถยนต์ได้สักพัก ชายที่นั่งด้านหลังตนได้ใช้มีดจี้ที่คอ และค้นเอาเงินสดที่ภรรยาตนพึ่งจะกดให้ไป แล้วไล่ตนลงจากรถยนต์และหลบหนีไป จึงได้มาแจ้งเรื่องให้ภรรยาทราบ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว จำนวน 2 ราย ประกอบกับสามารถติดตามรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุได้แล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่ง สืบสวนสอบสวน ขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พร้อมดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม และถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้นำพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบคดีเป็นสำคัญ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน