เมื่อวันที่ 4 ก.ค.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล, พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์, พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. และ พ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.4 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.3 บก.ป. และ พ.ต.ต.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป.
ร่วมกันจับกุมตัว นายศิวะเสกข์ หรือโอ๊ด (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ตามหมายที่ยังต้องการตัว รวม 6 หมาย ดังนี้
1.หมายจับศาลศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.118/2563 ลง 4 มิ.ย.63 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
2.หมายจับของศาลจังหวัดตราด ที่ จ.93/62 ลง 30 ก.ค.62 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกงทรัพย์ ”
3.หมายจับของศาลจังหวัดราชบุรี ที่ จ.98/63 ลง 1 มิ.ย.63 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง และ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
4.หมายจับของศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.96/ ลง ๘ มิ.ย.๖๓ ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง”
5. หมายจับของศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.53/62 ลง 14 มี.ค.62 ซึ่งต้องหาว่า “โดยทุจริตง หรือ
โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกงประชาชน ”
6. หมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 300/63 ลง 16 เม.ย.63 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกแจ้งแก่ประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลบิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายหลายพื้นที่ เข้าร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายศิวะเสกข์ (ผู้ต้องหา) มีพฤติการณ์ทำตัวเป็นเซียนพระ ปล่อยบูชาพระเครื่องผ่านทางเฟสบุ๊ก โดยเมื่อมีลูกค้าสนใจและสั่งซื้อพระเครื่อง ผู้ต้องหาจะให้ลูกค้าโอนเงินมาให้ก่อน แต่เมื่อลูกค้าโอนเงินไปแล้ว ปรากฎว่าผู้ต้องหาไม่ส่งพระเครื่องให้ตามที่ตกลง และปิดเฟสบุ๊คหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลาย 100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายศิวะเสกข์ ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร จว.ร้อยเอ็ด จึงได้เดินทางลงไปตรวจสอบ และจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเคยโดนหลอกมาก่อนจึงได้นำวิธีการดังกล่าวมาหลอกผู้อื่นต่อ เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเที่ยวและยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วนับไม่ถ้วน
3.หมายจับของศาลจังหวัดราชบุรี ที่ จ.98/63 ลง 1 มิ.ย.63 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง และ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
4.หมายจับของศาลแขวงพิษณุโลก ที่ จ.96/ ลง ๘ มิ.ย.๖๓ ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง”
5. หมายจับของศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ.53/62 ลง 14 มี.ค.62 ซึ่งต้องหาว่า “โดยทุจริตง หรือ
โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฉ้อโกงประชาชน ”
6. หมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 300/63 ลง 16 เม.ย.63 ซึ่งต้องหาว่า “ฉ้อโกง ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกแจ้งแก่ประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลบิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายหลายพื้นที่ เข้าร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายศิวะเสกข์ (ผู้ต้องหา) มีพฤติการณ์ทำตัวเป็นเซียนพระ ปล่อยบูชาพระเครื่องผ่านทางเฟสบุ๊ก โดยเมื่อมีลูกค้าสนใจและสั่งซื้อพระเครื่อง ผู้ต้องหาจะให้ลูกค้าโอนเงินมาให้ก่อน แต่เมื่อลูกค้าโอนเงินไปแล้ว ปรากฎว่าผู้ต้องหาไม่ส่งพระเครื่องให้ตามที่ตกลง และปิดเฟสบุ๊คหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลาย 100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นายศิวะเสกข์ ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร จว.ร้อยเอ็ด จึงได้เดินทางลงไปตรวจสอบ และจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเคยโดนหลอกมาก่อนจึงได้นำวิธีการดังกล่าวมาหลอกผู้อื่นต่อ เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปเที่ยวและยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วนับไม่ถ้วน