เมื่อเวลา16.30น.วันที่ 3 ก.ค.63 ในขณะที่ ร.ต.ต.สมชาย นิยมชน รอง สวป.สน.ธรรมศาลา กำลังเดินเท้าตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้างเดอะพาซิโอพาร์ค ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม.ก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่มาเดินซื้อของอยู่บริเวณชั้น 1 ของห้างว่า มีเหตุคนร้ายบุกเข้าไปชิงทรัพย์ภายในธนาคารไทยพานิช สาขาเดอะพาซิโอ พาร์ค แต่ทาง รปภ.และพลเมืองดีกำลังช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้ จึงนำกำลังรีบเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ รปภ.ของธนาคารกับพลเมืองดี กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับคนร้าย จึงได้เข้าจับกุมคนร้ายไว้ได้ ในสภาพสะบักสะบอม พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนพกบีบีกันแบบแม็กกาซีน เลียนแบบปืนบาเล็ตตาร์ รุ่นเอ็ม92 เอฟ จำนวน 1กระบอก ขณะเดียวกันได้ทำการยึดรถจยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียน 3 กศ 7912 กรุงเทพมหานคร แต่แผ่นป้ายทะเบียน ถูกพ่นทับด้วยสเปรย์สีดำและพับครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพาหนะของคนร้าย จากการตรวจค้นใต้เบาะพบรองเท้าแตะสีเขียว 1 คู่และสเปรย์สีดำ 1 กระป๋อง เป้สะพายสีดำ 1 ใบ แขวนไว้ที่แฮนด์รถ จึงเก็บรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนนายทรรศนะ แซ่จง อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นรปภ.ของธนาคาร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุยืนรักษาความเรียบร้อยอยู่หน้าธนาคารฯ ช่วงนั้นมีลูกค้าอยู่ประมาณ 4-5 คน ต่อมาได้มีคนร้าย 1 คน ทราบชื่อภายหลังนายณัฐพงษ์ เมฆอำพันธุ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 ซอยบางเชือกหนัง11 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กทม. ใส่ไอ้โม่งดำ เสื้อคลุมและกางเกงยีนสีดำ เดินเข้ามาเอาปืนจ่อด้านหลังแล้วขึ้นสไลด์เสียงดัง และผลักร่างตนชนประตูกระจกเดินเข้าไปในธนาคาร จากนั้นผลักตนให้เดินไปที่เคาท์เตอร์ของผู้จัดการธนาคาร ที่กำลังนับเงินสดอยู่บนโต๊ะจำนวน 2.4 ล้านบาท ระหว่างนั้นตนคิดว่าปืนของคนร้ายน่าจะเป็นปืนปลอม จึงสะบัดปืนคนร้ายจนกระเด็นตกลงที่พื้น จากนั้นคนร้ายได้กระโดดเข้าไปในเคาท์เตอร์ของผู้จัดการคว้าเงินไปได้ประมาณ 2 ล้านบาท และพยายามวิ่งออกมา ตนจึงกระโดดเข้าล็อคตัวคนร้ายไว้ จนเกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันทำให้เงินหล่นกระจายเกลื่อนพื้น จังหวะนั้นทางผู้จัดการได้เข้าช่วย โดยใช้เสาอลูมิเนียมกั้นระยะฟาดคนร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันก็มีพลเมืองดีอีกคนเข้ามาช่วยกันจับคนร้ายเอาไว้ได้ ต่อมา พ.ต.อ.สมศักดิ์ มงคลคุณากร ผกก.สน.ธรรมศาลา ได้เปิดเผยภายหลังสอบปากคำว่า จากการสอบสวนคนร้ายให้การเรียนจบแค่ชั้น ป.6เพิ่งตกงานและไปทำแฟนที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ตั้งท้องและทางครอบครัวฝ่ายหญิงได้เรียกค่าสินสอด 50,000 บาท คนร้ายหมดหนทางหาเงินไม่ได้ จึงไปหาซื้อปืนบีบีกันส์กับเพื่อนที่รู้จักมาในราคา 4,500 บาท และหมวกไอ้โม่ง แล้วไปซื้อสีสเปรย์มาพ่นทับป้ายทะเบียนรถ จยย.และพับเพื่อกันคนเห็น เพราะคิดว่าจะปล้นธนาคาร แต่ยังไม่ได้ระบุว่าเป้าหมายจะเป็นที่ใด พอช่วงจังหวะนั้นฝนตกหนัก เลยคิดว่าน่าจะไม่มีตำรวจออกตรวจพื้นที่ จึงอาศัยจังหวะนี้มาก่อเหตุแต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน และจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา พบว่ามีหมายจับของ สน.ตลิ่งชัน เมื่อปี 58 ข้อหาเป็นทหารกองเกินหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือก 1 หมายด้วย หลังจากทำการสอบสวนเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ธรรมศาลา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป