หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.63ปรับตัวขึ้น 2 เดือนติด รับการผ่อนคลายล็อกดาวน์ แต่ยังต่ำสุดในรอบ 21 ปี เผยกำลังซื้อยังไม่กลับมาใน 3-6 เดือนข้างหน้า จี้รัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกล็อตนำเงิน 4 แสนล้านเข้าสู่ระบบ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2563 โดยรวมแทบทุกรายการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจและธุรกรรมต่างๆได้ในระยะที่ 1-4 ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับ รัฐบาลใช้มาตรการดูแลเยียวยาจากผลกระทบโควิด-19 ที่ได้เยียวยาทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ ทำให้ดัชนีความเขื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมิถุนายนจากระดับ 40.2 ในเดือนที่ผ่านมาสู่ระดับ 41.4 ทั้งนี้ แม้ดัชนีความเขื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม แต่ยังอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 21 ปี หลายรายการด้วยกัน ดังนั้นคาดว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการใข้จ่ายอย่างมากไปอย่างน้อยกว่า 3-6 เดือนนับจากนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางการเมืองจะดีขึ้นกว่านี้ พร้อมกับรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนให้มากขึ้นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้นได้ โดยสิ่งที่ประชาชนกังวลใจอยู่มากคือ แม้จะมีมาตรการผ่อนคลายแต่กลัวว่าจะติดการแพร่ระบาดการกลับมาอีกของโควิดรอบ 2 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมากและจะส่งผลภาวะการจ้างงานในอนาคตนับหลายแสนคนได้นั่นหมายถึงจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจไทยถดถอยได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งนำเงินกว่า 400,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบและการหาแนวทางเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจเร่งด่วน และเท่าที่ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ส่งผลให้ทางศูนย์ฯจะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่และจะเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับสถาบันอื่นๆที่มองไว้คือ จีดีพีไทยปีนี้จะติดลบอยู่ที่ร้อยละ 8-10 จากเดิมอยู่ติดลบที่ร้อยละ 3.5-5 ขณะที่ตัวเลขการส่งออกติดลบอยู่ที่ร้อยละ 8-10 เช่นกัน