นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)เปิดเผยว่า ได้ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องเงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย (ฉบับที่ 2)ระบุว่า ตามที่ได้ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องเงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2563 เพื่อกำหนดเงื่อนไขในอนุญาตทำการบินของอากาศยานที่เดินทางมาจากต่างประเทศนั้น ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 12) ประกาศ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 7/2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6) สั่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้ - ให้ยกเลิกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องเงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย ประกาศ ณ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563 - ห้ามอากาศยานขนส่งบุคคลทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทย เว้นแต่เป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) อากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร (State or Military aircraft) (2) อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน (Emergency landing) (3) อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค (Technical landing) โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง (4) อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด –19 (Humanitarian aid, medical and relief flights) (5) อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับ ภูมิลำเนา (Repatriation flights) (6) อากาศยานขนส่งสินค้า (Cargo flights) (7) อากาศยานที่ขนส่งบุคคลที่สามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ตามที่กำหนด - การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของบุคคลประเภทใดประเภทหนึ่งดังต่อไปนี้ ทางอากาศยาน สามารถกระทำได้ โดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไข เงื่อนเวลาและหลักเกณฑ์ของผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ และกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อการป้องกัน การระบาดของโรคและจัดระเบียบจำนวนบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับความสามารถของเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองและการจัดสถานที่ไว้แยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต (1) ผู้มีสัญชาติไทย (2) ผู้มีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด อนุญาต หรือเชิญให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้ตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาก็ได้ (3) บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในประเทศไทย หรือบุคคลในหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว (4) ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น แต่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับออกไปโดยเร็ว (5) ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจและมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน (6) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งเป็นคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของผู้มีสัญชาติไทย (7) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรหรือได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (8) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีใบอนุญาตทำงานหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมาย ตลอดจนคู่สมรสหรือบุตรของบุคคลดังกล่าว (9) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาของสถานศึกษาในประเทศไทยที่ทางการไทยรับรอง ตลอดจนบิดามารดาหรือผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว ยกเว้นนักเรียนหรือนักศึกษาของโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถานศึกษาอื่นของเอกชนซึ่งมีสถานะคล้ายกัน (10) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทย และผู้ติดตามของบุคคลดังกล่าว แต่ต้องไม่เป็นกรณีเข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาลโรคโควิด – 19 (11) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ (special arrangement) กับต่างประเทศ โดยประกาศฉบับใหม่นี้ ได้เพิ่มเติมสาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงจากฉบับก่อนหน้าคือ บุคคลผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรใน 11 กลุ่มข้างต้นจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 7/2563 สั่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป