ภาคธุรกิจโรงแรมพัทยาเร่งปรับตัวเพื่อความอยู่รอดหลังประกันสังคมงดจ่ายค่าแรง เปิดกิจการ 3 วันช่วงวันหยุดหารายได้จุนเจือพนักงาน พร้อมโปรแรงลดกระหน่ำ 50 % กระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองพัทยา น.ส.ยุวธิดา จีรภัทร ผู้บริหารโรงแรมโฮเทล เจ พัทยา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่าหลังปิดธุรกิจโรงแรมที่อยู่ในการดูแลจำนวน 3 แห่ง ซึ่งมีห้องพักรวมกว่า 280 ห้องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มานานกว่า 2 เดือน โดยช่วงเวลาดังกล่าวยังคงต้องจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานในสังกัดจำนวน 100 กว่าชีวิต แต่ดีที่ประกันสังคมสมทบการใช้เงินเดือนให้ ซึ่งปัจจุบันครบตามระยะเวลาที่จะระงับการจ่ายแล้ว ซึ่งกรณีต่อจากนี้ก็จะทำให้ทางโรงแรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ด้วยจากการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง และรัฐเองก็มีมาตรการผ่อนปรนให้สามารถเปิดธุรกิจและท่องเที่ยวได้แล้วนั้น ทางโรงแรมจึงมีแผนในการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ทั้งนี้ได้มีการจัดโปรโมชั่น “สบายใจ คลายล็อค พัก 4 ดาว” โดยจับจองในแบบ Direct ก็จะมีค่าใช้จ่ายแบบสบายๆในราคาเพียง 899 บาท/คืน/ห้อง แต่ไม่รวมอาหารเช้าซึ่งถือว่าถูกที่สุดในรอบปี ทั้งนี้หากลูกค้าต้อง การอาหารเช้าเพิ่มก็จ่ายเงินอีกเพียง 100 บาทเท่านั้น ขณะที่นักท่องเที่ยวที่มาพักแบบครอบครัวและมีเด็กอายุไม่ถึง 3 ปีก็สามารถพักฟรีอีกด้วย ที่สำคัญเมืองพัทยายังร่วมกับ ททท.พัทยา ในการจัดโครงการ “Hot Deal” ซึ่งสามารถใช้เป็นส่วนลดได้กว่า 50 % เมื่อลงทะเบียนหรือจองผ่านแอพพลิเคชั่น Shopee โดยทาง ททท.จะเป็นคนรับภาระค่าใช้จ่ายอีก 50 % ที่มีการเปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป แต่หากมีการจับจองผ่านทางแอพสากลอย่าง Agoda หรืออื่นๆและลง ทะเบียนในแอพ “เที่ยวปันสุข” ทางภาครัฐก็จะออกค่า ใช้จ่ายให้ 40 % น.ส.ยุวธิดา กล่าวว่าทางโรงแรมมีการจัดมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับลูกค้าที่เข้าพักอย่างเข้มงวด ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้ โดยจะมีทั้งการจัดตรวจ วัดอุณหภูมิร่างกาย การจัดจุดเว้นระยะห่าง ที่สำคัญทางโรงแรมมีลักษณะเป็นอาคารแบบเปิดโล่ง และมีการระบายอากาศที่สามารถถ่ายเทได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งภายในห้อง พักและตัวอาคาร ด้วยแอลกอฮอล์และน้ำยาฆ่าเชื้อจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยตลอดการใช้บริการ อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์เช่นนี้คาดว่ายังคงไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนมากนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นการเดินทางในช่วงวันหยุดหรือ Long Weekend ทางโรงแรมจึงจะเปิดให้บริการเพียง 1 อาคาร ห้องพักรวม 128 เท่านั้น และจะเปิดให้บริการเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ ซึ่งขณะนี้พบว่ามีอัตราการจับจองห้องพักกว่า 50 % แล้ว ขณะที่ในส่วนของการจ้างงานนั้นก็คงจะต้องลดจำนวนการทำงานลงเหลือเพียง 15 วัน โดยจะนำรายได้จากการเปิดให้บริการในช่วงวันหยุดมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องของแรงงาน จากนั้นก็คงเร่งทำการตลาด และเฝ้ารอดูมาตรการของรัฐว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งคาดว่าคงจะกินระยะเวลาอีกหลายเดือน