ชายแดนไทย-รัฐฉานตึงเครียด ชาวไทใหญ่ในค่ายผู้ลี้ภัย 2.5 พันผวา ทหารพม่าส่งกองกำลังประชิดกองทัพไทใหญ่ หวั่นปะทะเดือด-ชี้คุกคามผู้อพยพจนไม่กล้าออกไปทำมาหากิน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม มีรายงานข่าวจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมารัฐบาลพม่าได้ส่งทหาร 800 นาย ไปประจำที่ทางตะวันออกของอำเภอเมืองสาด เขตรัฐฉาน ตรงข้ามอำเภอแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อเสริมกำลังทัพของกองทัพพม่าที่มีอยู่ตามแนวพรมแดนประเทศไทย ซึ่งใกล้บริเวณค่ายผู้อพยพดอยก่อวัน ทำให้ชาวบ้านในศูนย์อพยพกว่า 2,500 คน เกิดความหวาดวิตกในความปลอดภัย ในขณะที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก ในช่วงที่มีการปิดพรมแดนในสถานการณ์ช่วงโรคโควิด-19 ข่าวแจ้งว่า กองกำลังทหารพม่าได้เคลื่อนกำลังพลทั้งรถบรรทุกทางทหารและเดินเท้า จากพื้นที่ต่าง ๆ ในภาคตะวันออกของรัฐฉาน รวมทั้งจากเมืองพยาค ท่าเดื่อ และท่าขี้เหล็ก ทั้งนี้การเสริมกำลังพลของกองทัพพม่าดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางทหารกับกองทัพของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพแห่งชาติรัฐฉาน (Restoration Council of Shan State/Shan State Army) มากขึ้น เพราะกองทัพพม่าได้ทำการโจมตีกองทัพรัฐฉานในภาคกลางและทางตอนใต้ของรัฐฉานหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่าการขยายกำลังพลของกองทัพพม่านี้ อาจเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลพม่าในพื้นที่นี้ รวมทั้งการให้สัมปทานทำเหมืองทองคำขนาดใหญ่กับบริษัทเหมืองแร่ของออสเตรเลียและจีนในภาคตะวันออกของรัฐฉาน และการให้สัมปทานการทำเหมืองถ่านหินเมืองกกกับบริษัทเอกชนของไทย ซึ่งเดิมพื้นที่ทางตะวันออกของอำเภอเมืองสาดนี้ มีการตรึงกำลังทหารอย่างเข้มแข็งของกองทัพพม่าอยู่แล้ว รวมทั้งกลุ่มทหารบ้าน (militia) กองทัพพม่า และยังรวมถึงกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army) แหล่งข่าวกล่าวว่า การขยายกำลังทหารพม่าครั้งนี้อ้างเรื่องปราบปรามการระบาดของยาเสพติด โดยในวันที่ 18 มิถุนายน 2563 กองทัพพม่าประกาศยึดยาเสพติดสองล็อตใหญ่ มูลค่ากว่า 370,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ใกล้กับโป่นาโก่ ซึ่งเป็นฐานของกองทหารอาสาสมัคร ที่มีข่าวพัวพันกับการผลิตยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตรวจพบแอมเฟตามีนหลายกระสอบวางอยู่ในป่าแต่ไม่มีการจับกุมบุคคลใด ๆ นายวี่ กำนันหมู่บ้านอพยพดอยก่อวัน เขตรัฐฉาน กล่าวว่า ช่วงนี้ชาวบ้านลำบากมากเพราะก่อนหน้านี้โควิดก็ไปไหนไปไร่ไปนาไมได้ แต่ตอนนี้ทหารพม่าส่งกองกำลังจำนวนมากมาประชิดใกล้ค่ายอพยพดอยก่อวันอีก ทำให้ชาวบ้านไม่เป็นอันทำไร่ทำนาเพราะกลัวในเรื่องความปลอดภัย “พวกเราไม่อยากให้ทหารปะทะกัน เพราะชาวบ้านจะได้รับผลกระทบไปด้วย ที่ผ่านมาทหารพม่าไม่เคยมาใกล้ขนาดนี้ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปลูกข้าวด้วย พวกเราไม่กล้าออกไปไหน ไม่รู้ว่าถ้าไม่ได้ปลูกข้าว ในอนาคตเราจะมีข้าวกินหรือไม่ ทหารพม่าบอกว่าจะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ซึ่งเป็นเขตของทหารไทใหญ่ ทำให้ทหารไทใหญ่ไม่ยอม หากเข้ามาก็ต้องเกิดการสู้รบกันแน่” นายวี่ กล่าว ทั้งนี้ผู้อพยพจากรัฐฉานที่อาศัยในค่าย หรือศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามแนวชายแดนไทย-พม่า ส่วนใหญ่หนีภัยความตายจากการสู้รบของกองทัพพม่ากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์มายังพรมแดนไทยตั้งแต่กว่า 20 ปีก่อน และจนปัจจุบันยังไม่สามารถหวนคืนสู่บ้านเกิดได้เพราะยังคงมีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง ส่วนค่ายอพยพยดอยก่อวันได้เริ่มมีชาวบ้านมาอาศัยพักพิงตั้งแต่ปี 2544 ประชากรมีทั้งชาวไทใหญ่ อาข่า ลาหู่ จีน และว้า หมู่บ้านเดิมของผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่อพยพมาจากพื้นที่ตะวันออกของรัฐฉาน เนื่องจากปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐว้า และกองทัพพม่า อนึ่ง เหมืองถ่านหินเมืองกก ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเอกชนของไทย ตั้งอยู่บริเวณลุ่มน้ำกกตอนบน ซึ่งแม่น้ำกกไหลลงสู่ประเทศไทยที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และไหลผ่าน อ.เมืองเชียงราย เป็นแหล่งน้ำดิบของประปาเทศบาลเมืองเชียงราย โดยก่อนหน้านี้มีกระแสความกังวลถึงผลกระทบข้ามพรมแดน