วันที่ 30 ม.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ดร.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.เปิดเผยว่า เนื่องด้วยในวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563 และวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ เป็นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่3 ) ข้อ 2 ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ ซึ่งในปีที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบ ควบคุม กำกับ ดูแลตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พุทธศักราช 2551 ดำเนินการสุ่มตรวจสถานประกอบการพบว่ายังคงมีการฝ่าฝืนการกระทำความผิดในหลายพื้นที่ พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุนั้น มาจากการเมาแล้วขับ ตลอดจนการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งล้วนมีสาเหตุเนื่องมาจากการเมาสุรา พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเพื่อสร้างการรับรู้ไปยังประชาชน และผู้ประกอบการร้านค้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้าทุกประเภท อาทิ ร้านอาหาร และสถานบริการ ให้งดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งขายส่งและขายปลีก ทั่วราชอาณาจักร ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา คือ หลังเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 จนถึงเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2563 ยกเว้นเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ) หากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืน มีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พุทธศักราช 2551 มาตรา 39 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. กำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อกวดขัน จับกุม ผู้กระทำความผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเด็ดขาด โดยเน้นการตรวจตราร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหารริมทาง รวมทั้งร้านในบริเวณสถานีขนส่ง สถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง วัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งในส่วนการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ให้เพิ่มความเข้มงวด ในการตั้ง รวมถึงจุดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์บริเวณถนนสายหลักที่เป็นที่ตั้งของสถานบริการ ให้ดำเนินการ ตั้งจุดตรวจในเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากมีการตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ให้ดำเนินการสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้จำหน่ายสุราที่ฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างจริงจัง พล.ต.ท.ดร.ปิยะ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พุทธศักราช 2551 ของสถานประกอบการรายใด หรือพบเห็นอาชญากรรมต่าง ๆ สามารถแจ้งเบาะแสและข้อมูลข่าวสารมายังโทรศัพท์ สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง