จากกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กรณี “ฌอน” เหตุมาจากหลงเชื่อว่าลุงป้อมคนดี ผลคือทัวร์ลง แฟนเพจหายไปนับล้านสะท้อนถึงพปชร. ถ้ายังเชื่อว่าป้อมคนดีชูให้เป็นหน.พรรครอเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ ดู ”ฌอน”ไว้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า กรณีของ ฌอน บูรณะหิรัญ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนละเรื่อง อย่าหยิบโยงหรือเหมารวมประเด็นเพื่อชี้นำให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยกรณี ฌอน นั้นเป็นเรื่องของกระบวนการตรวจสอบว่าการเรี่ยไรเงินบริจาคดังกล่าวนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนประเด็นของ พล.อ.ประวิตร นั้น ตนขอยกคำโบราณเตือนสติว่า การกระทำของนายศรีสุวรรณ " อย่าปลูกเรือนคร่อมตอ " พวกเราสมาชิกพรรคพลังประชารัฐนั้นรู้กันดีว่า พลเอกประวิตร เป็นผู้ใหญ่ใจดีน่ารัก มีเมตตา และ เป็นผู้ใหญ่ที่พวกเราให้การเคารพ ซึ่งการที่นายศรีสุวรรณเป็นคนนอกพรรคคงไม่ได้สัมผัสและเข้าถึง จึงไม่เข้าใจความรู้สึก นายสามารถ กล่าวอีกว่า การที่นายศรีสุวรรณ พาดพิงพรรคพลังประชารัฐว่าถ้า พล.อ.ประวิตร นั่งหัวหน้าพรรคจะได้ ส.ส.น้อยลงนั้นเป็นเรื่องเท็จ เป็นข้อมูลเท็จเพราะที่เลือกตังทีผ่านมา พรรคพลังประชารัฐมี ส.ส. ถึง 119 คนได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาเป็นอันดับที่1 และเป้าหมายครั้งต่อไปดูจากการย้ายที่ทำการพรรคที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงเตรียมการรองรับจำนวน ส.ส. ในปริมาณที่มากขึ้น โดย พล.อ.ประวิตร นั้นได้เสียสละตนเองมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้นก็เพื่อมาเป็นขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกพรรคได้มีกำลังใจทำงานมากขึ้น ตนเองได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวบ้าน มีแต่คนร่วมแสดงความยินดีกับพรรคที่ได้คนเก่ง คนดีมาเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นตนขอฝากเตือนสติ นายศรีสุวรรณ ว่าตัวเองก็เคยลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา ปี 2557 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในเวลานั้นมีผู้มาใช้สิทธิ์ 1,249,146 คะแนน แต่ นายศรีสุวรรณ ได้เพียง 37,583 คะแนน คิดเป็น 3.50 เปอร์เซ็นต์ ได้อันดับ 5 ซึ่งยังมีคะแนนแพ้ให้กับคุณ ลีนาจัง จรรจาที่ได้อันดับที่4เสียด้วย จึงอยากให้นายศรีสุวรรณคิดทบทวนเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป ก่อนที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์บุคคลหรือพรรคการเมืองอื่น โดยปกติแล้วมารยาททางการเมืองจะไม่กระทำเยี่ยงนี้ เพราะตนกลัวว่าในอนาคตถ้า นายศรีสุวรรณ ยังหาหลักวิชาตัวเองไม่เจอคาดว่าน่าจะมีคนเชื่อถือน้อยลงแล้วการเลือกตั้งครั้งหน้าของนายศรีสุวรรณ ก็น่าจะได้คะแนนน้อยลงกว่าเดิม ที่ตนเตือนด้วยความหวังดีและเป็นห่วง