"ไพบูลย์" แจงแค่ความเห็น "เสี่ยแฮงค์" ดัน "นฤมล" คุมนโยบายศก.พปชร. ชี้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็นเรื่องภายใน โอ๋"ทีมสมคิด-4กุมาร" เชื่อเข้มแข็ง-เข้าใจ ด้าน"นฤมล"ยันไม่แทงข้างหลัง"สมคิด" ยังเคารพเหมือนเดิม ระบุนั่งรมต.ด้านเศรษฐกิจหรือไม่ อยู่ที่นายกฯ ขณะที่"บิ๊กป้อม" เลื่อนประชุมไม่เข้าทำเนียบฯ อ้างติดภารกิจ "อนุทิน"ยันนายกฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณปรับครม.ชี้ภท.มีเวลาคิดรายชื่อรมต.ถึงวันสุกดิบ ส่วน"นิพิฏฐ์" ลุยฟ้อง 7 กกต. ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ม.157 ยกคำร้องทุจริตเลือกตั้งซื้อเสียงเขต 2 พัทลุง "เทพไท"ประกาศจองกฐินอภิปรายงบ 64 ชำแหละ "คมนาคม" ทวงความเป็นธรรมให้คนใต้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.63 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐา นะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(กก.บห.) และเหรัญญิกคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพปชร.คนใหม่ เลื่อนภารกิจทั้งหมดในวันนี้ ว่า ไม่ทราบว่าพล.อ.ประวิตร ป่วย หรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวอ้างว่าเป็นคนชักชวน นายฌอน บูรณะหิรัญ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจหรือไลฟ์โค้ชชื่อดัง มาทำงานให้พล.อ.ประวิตร นางนฤมล กล่าวปฏิเสธว่า ไม่รู้จัก ก่อนจะเดินไปทันที อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานของพล.อ.ประวิตรได้แจ้งว่า ขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ครั้งที่ 1/2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล ออกไปก่อน โดยจะประชุมในวันที่ 1 ก.ค. และจะไม่เข้าทำเนียบฯตลอดทั้งวัน เนื่องจากติดภารกิจ และยืนยันว่า ไม่ได้ป่วย ต่อมา นางนฤมล ยังกล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวเตรียมขึ้นเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ในส่วนของภารกิจพรรคการเมืองที่ทุกพรรคการเมืองมีภารกิจหลักคือการดูแลเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพล.อ.ประวิตรได้กำชับว่าต้องให้ความสำ คัญภายหลังเรื่องโควิด-19 คือการช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชน เช่นเดียวกับที่ปรากฎในคลิปวิดีโอในที่ประชุมใหญ่ คือการทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีให้ได้ เมื่อถามว่า ตำแหน่งของนางนฤมลเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเลยหรือไม่ หรือเป็นหนึ่งในทีมงาน นางนฤมลกล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา ตนอยู่ในทีมเศรษฐกิจอยู่แล้ว ในส่วนของนโยบาย ซึ่งเลขาธิการพรรคฯบอกว่า ให้ตนรับผิดชอบต่อเท่านั้นเอง ดังนั้นคงไม่ได้เรียกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพราะจะเข้าใจผิดกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รู้สึกท้อใจที่ก็มีกระแสในทางลบออกมา เพราะมองเป็นเรื่องปกติ ทางการเมืองที่ต้องมีคำวิพากษ์ วิจารณ์ ส่วนการรับตำ แหน่งครั้งนี้เป็นการทำงานในส่วนของรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นคนละส่วนกัน เพราะในส่วนของครม.นั้น เป็นอำนาจของนายกฯ ตนไม่สามารถให้ความเห็นใดๆได้และคงไม่เกี่ยวกัน ส่วนหลังมีเสียงวิจารณ์ทางลบออกมาหัวหน้าพรรคได้ให้กำลังใจหรือไม่นั้น ยืนยันว่าตนยังไม่ได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เกี่ยวกับการทำงานและการนำเสนอนโยบายจากพรรคสู่รัฐบาลหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า นายสมคิดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำ ซึ่งการนำเสนอเรื่องต่างๆ คงนำเสนอผ่านพรรค แล้วแต่ว่าทางพรรคจะนำเสนอไปช่องทางใด เหมือนทุกพรรคที่มีเวทีการนำเสนอผ่านประชาชนและผ่านสื่อมวลชน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มการเมืองอีก แนวทางนโยบายว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยประชาชน เมื่อถามถึงกระแสข่าวระหองระแหงกันระหว่างทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของพรรคพปชร. นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหากัน ยังทักทายและให้ความเคารพท่านอย่างมากเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้ทุกคนตีความไปในลักษณะนั้น เมื่อถามว่า เสียงวิจารณ์ถึงขนาดมองว่าแทงข้างหลังทีมนายสมคิด นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีค่ะ แต่จะเป็นการตีความกันไปเอง เมื่อถามว่า หลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้คุยกับนายสมคิดบ้างหรือยัง นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เจอท่านยังทักทายและให้ความเคารพ แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงในพรรคจึงทำให้ถูกตีความว่าขัดแย้ง เมื่อถามถึงกระแสข่าวการเตรียมขยับขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ นางนฤมล กล่าวว่า "แล้วแต่ท่านนายกฯจะไว้ใจ ซึ่งยังไม่เคยพูดถึงเรื่องดังกล่าวกับท่านนายกฯเลย คุยแต่เรื่องงาน อย่างเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับงานคมนาคม ท่านจะสนใจแต่เรื่องงานประสัมพันธ์ว่าทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม แต่ยังไม่เคยคุยเรื่อง ครม." ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมการบริหารพรรคพปชร. กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค เตรียมมอบหมายให้นางนฤมลดูนโยบายด้านเศรษฐกิจให้กับพรรคพปชร.ว่า เป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัวของเลขาธิการพรรคคนใหม่ ที่ได้รับตำแหน่งหลังที่ประชุมมีมติ เพราะการแต่งตั้งทีมบริหารใดๆ จะต้องมีการประชุมกรรมการบริหาร เพื่อให้หัวหน้าพรรคแต่งตั้งก่อน ยืนยันว่าสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐราบรื่นดีมากหลังพล.อ.ประวิตรมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากสำนักโพลต่างๆ ที่เห็นใจทีมของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทั้ง นายอุตตม สาวนายน ,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ,นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคนั้น การปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ถือเป็นเรื่องภายใน ซึ่งการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใด เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคที่เป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน ความเห็นของบุคคลอื่น จึงเป็นความเห็น และเป็นธรรมดาของคนไทย ที่มักเห็นอกเห็นใจผู้ได้รับผลกระทบ "เชื่อว่าทั้งนายอุตตม ,นายสนธิรัตน์ และพวก จะมีความเข้มแข็ง เข้าใจสถานการณ์ อยากเห็นพรรคเข้มแข็ง และจะสนับสนุนงานของพรรคพลังประชารัฐ เป็นกำลังสำคัญของพรรค ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคต่อไป" ส่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ถึงกระแสปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ในส่วนของพรรคไม่มีปัญหาอะไร เราคิดไปเรื่อยๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจนถึงวันสุกดิบ เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่าทีมเศรษฐกิจชุดเดิมนำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยังทำงานได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนทำงานกับนายกฯ และนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล เราต้องพร้อมให้ความร่วมมือ หากนายกฯประสงค์สิ่งใดก็ต้องให้ความร่วมมือทุกอย่าง เมื่อถามว่า หากนายกฯเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ ก็พร้อมจะทำงานด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นี่เป็นอำนาจของนายกฯ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ไม่ได้พูดถึง ไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้เลย ส่วน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 2 แถลงว่า ตนได้ฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กลาง ทั้ง 7 คน ในข้อหาปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ในการจัดการเลือกตั้งเมื่อวันที่24 มี.ค.62 โดยกกต.ได้สมคบคิดใช้อำนาจหน้าที่ทุจริต มีอคติเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ ไม่มีข้อเท็จจริง และเหตุผลรองรับ อันเป็นการใช้อำนาจช่วยผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ชนะการเลือกตั้งในเขต2 พัทลุง แทนที่จะใช้อำนาจตามกฏหมายจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะมีหลักฐานปรากฏชัดว่าเต็มไปด้วยการทุจริตและมีการซื้อเสียงและทำให้ตนได้รับความเสียหาย ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 ว่า การจัดงบประมาณของรัฐบาลในปีนี้ เป็นการจัดงบประมาณ2ฉบับซ้อนกัน ระหว่าง พ.ร.ก.กู้เงิน1.9ล้านล้านบาท กับพ.ร.บ.งบประมาณปี64จำนวนเงิน3.3ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ยอดเงินงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายมีเม็ดเงินสูงมากเป็นประวัติการณ์จำนวน5.2ล้านล้านบาท จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการอภิปราย ซักถามรายละเอียดของแผนงาน โครงการ ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้อย่างถี่ถ้วน ในฐานะที่เป็น ส.ส.คนหนึ่งจะใช้สิทธิ์อภิปรายงบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด เพื่อขอทวงถามความเป็นธรรมให้กับพี่น้องภาคใต้ ที่เสียโอกาสในการพัฒนามาอย่างยาวนาน