นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย โดย ขณะนี้สามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 9.7 หมื่นล้านบาท คาดว่าภายในวันที่ 30 มิ.ย.63 จะปล่อยสินเชื่อได้ 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเป้าที่วางไว้ของปีนี้ ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ 2.1 แสนล้านบาท โดย ธอส.คาดจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า เนื่องจากช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา แม้จำนวนลูกค้าจะลดลง แต่ยอดเงินกู้เฉลี่ยต่อรายสูงขึ้น ประกอบกับ ธอส.มีหลายมาตรการออกมาช่วยเหลือลูกค้า ทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.99% ต่อปี และการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี หากได้รับการอนุมัติจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MRR แบงก์รัฐลดลงได้อีก ขณะที่เอ็นพีแอล ธอส.ขณะนี้อยู่ที่ 4.69% เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 4.09% และสิ้นปี 2563คาดจะอยู่ที่ 4.75% ยืนยันว่า ยังสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ สำหรับมาตรการช่วยโควิด-19 ของ ธอส.ทั้ง 8 มาตรการมีลูกหนี้เข้าร่วม 4.1 แสนล้านบาท จากพอร์ต 1.2 ล้านล้านบาท โดยจำนวนนี้พบว่า มีลูกค้าขอพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยประมาณ 2 แสนราย วงเงินประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ธอส.ไม่ได้ Contact กับลูกค้ามากนัก ธอส.จึงเตรียมเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือจากผลกระทบโควิด-19 เพื่อประเมินศักยภาพหรือความสามารถในการชำระหนี้ 60 วันล่วงหน้า ก่อนมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของ ธอส.จะสิ้นสุดลงวันที่ 31 ต.ค.นี้ เพื่อดูว่าลูกค้ามีศักยภาพชำระหนี้มากแค่ไหน และธนาคารต้องหามาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษมาช่วยหรือไม่ แต่หากลูกค้าไม่สามารถกลุ่มนี้ไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ถึง 90% อาจจะต้องมีการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังสิ้นเดือน ต.ค.63 ขณะที่ความคืบหน้าโครงการบ้านล้านหลัง ขณะนี้มีประชาชนมายื่นขอเข้าร่วมโครงการแล้ว 28,000 ราย วงเงิน 22,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยยอดขอเข้าร่วมโครงการเดือนละ 1,000 ล้านบาท นับจากนี้ไปประมาณปีครึ่งจนสิ้นสุดโครงการคาดว่าเต็มตามกรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท โดยการปรับราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านบาทตามมติ ครม.นั้น ช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น