"ในหลวง"พระราชทานฟาร์มตัวอย่าง หนุนจ้างงานช่วงวิกฤติโควิด-19 ด้าน"ศบค."มีมติต่ออายุ "พรก.ฉุกเฉิน" อีก1เดือน ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้ รองรับคลายล็อกเฟส 5 "นายกฯ" แจงคงพรก.ฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาให้ทันเวลา พร้อมคลายล็อกเฟส5 เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ส่วนอาบอบนวดเปิดได้แต่ห้ามขายประเวณี ส่วนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศพบ 7 ราย เป็นชาวต่างชาติ ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่ไวรัสมรณะคร่าชีวิตทั่วโลกทะลุ 5 แสน เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.63 เพจเฟซบุ๊ก โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน โพสต์ข้อความระบุว่า 9 ฐานการเรียนรู้ พอกิน พอใช้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลากหลายอาชีพ หลายคนต้องหยุดงาน ไม่มีรายได้ ขาดปัจจัยช่วยในการดำรงชีวิต เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนรายได้ของประชาชนช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงพระราชทานโครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัยโควิด-19 มาใช้สนับสนุนการจ้างงานเพื่อให้มีอาชีพเลี้ยงครอบครัว นอกจากเป็นการจ้างงานห้วงวิกฤตการณ์ Covid-19 แล้ว ยังมีการอบรมความรู้ทางการเกษตร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมีการวางแผนให้ได้มาซึ่งผลผลิต อีกทั้งเสริมสร้างการเรียนรู้ ให้แก่เยาวชนภายในฟาร์มซึ่งเป็นบุตรหลานของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ หรือเยาวชนในพื้นที่รอบๆฟาร์มตัวอย่าง ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) หรือศบ ค. เพื่อพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ ระยะ 5 ได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ อาบอบนวด โดยที่ประชุมมีมติต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค.63 เพื่อรองรับช่วงเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค.63 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้ย้ำว่า เราอยู่ในห้วงเวลาสำคัญ แม้ที่ผ่านมา ทุกอย่างดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความเสี่ยงหลายประการและวันนี้จะมีการผ่อนคลายในระยะที่ 5 ซึ่งยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ดังนั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ของประชาชนทุกคนและสถานประกอบการต่างๆโดยเฉพาะการมีพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อแก้ปัญหาให้ทันเวลา แม้มีกฎหมาย 40 ฉบับ แต่หลายกิจกรรมไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เช่น การเปิด-ปิดสถานที่ต่างๆ หรือการเข้าออกประเทศ ที่ต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่างอาจไม่ทันต่อเวลาในการแก้ปัญหาจึงต้องมี พ.ร.ก. ฉุก เฉิน ย้ำว่าไม่ปิดกั้นใครทั้งนั้น ส่วนเหตุผลในการผ่อนคลายระยะที่ 5 คือเห็นใจผู้มีรายได้น้อยและ ผู้ที่ต้องประกอบ อาชีพหาเลี้ยงครอบครัว โดยต้องมีมาตรการรองรับ เพื่อให้เห็นว่า เรามีความพร้อม แต่ไม่สามารถรับรองได้ 100% เพราะทุกอย่างอยู่ที่คนไทยทุกคนที่จะร่วมมือกันทุกอย่างถึงจะผ่านพ้นไปด้วยดี ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ในการเปิด 5 กลุ่มกิจการ/กิจกรรม ที่มีความเสี่ยงสูง ดังนี้ โรงเรียนทั้งหมดทั้งภาครัฐและเอกชน ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ โดยให้ปิดเวลา 22.00 น. ส่วนร้านสะดวกซื้อเปิดได้ 24 ชั่วโมง เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ได้ไม่เกิน 24.0 0 น. ห้ามไปต่อร้านข้าวต้ม เปิดร้านเกม อินเตอร์เน็ต เปิดโรงน้ำชา และอาบอบนวด กลุ่มพนักงานต้องมีการตรวจโรค อื่นๆ และห้ามมีการขายประเวณีเด็ดขาดโดยทุกกิจการ กิจกรรมผู้ประกอบการต้องทำอย่างเข้มงวด หากพบว่าผิดให้กำหนดบทลงโทษ จะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและอาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ หรือมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษ จำ คุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี ส่วน นพ.สุขุม กาญจพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นชาวอินเดีย 6 รายและชาวสหรัฐอเมริกา 1 ราย จากการกักกันของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,169 ราย หายป่วยสะสม 3,053 รายโดยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม. ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 10,249,460 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 504,466 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหาย มีจำนวน 5,556,634 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 2,637,077 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 128,437 ราย