นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)ว่า ทุกฝ่ายรู้ว่าประเทศไทยตอนนี้กำลังเจอพายุ คงไม่ใช่แค่ไทยประเทศเดียว ทุกประเทศในโลกกำลังเจอพายุลูกใหญ่ ดังนั้นพายุใหญ่ลูกนี้ถ้าไม่ตั้งรับให้ดีจะเหนื่อยกันหมด สสว.เป็นหน่วยงานสำคัญในการดูแลเอสเอ็มอี จึงอยากให้รู้ว่าคนคาดหวังว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวเนื่องต้องร่วมมือกัน อยากให้อุ่นใจว่ามีคนช่วยเหลือเยอะ แต่ต้องตั้งใจจริง และต้องช่วยกัน สำหรับเศรษฐกิจไทยผ่านพายุปี 40 มาแล้ว ผู้ได้รับผลกระทบก่อนคือ เอสเอ็มอี ตัวเล็กเงินน้อย แต่มีการจ้างงานพอสมควร ถ้าไม่ดูแลเขา พวกนี้ปกติได้รับสินเชื่อยากมาก ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลตั้งแต่ต้นทาง ถ้าเราไม่ดูแลตรงนี้ แต่ไปดูแลตอนปลายพวกเขาจะไปกันหมด คนตกงาน สสว.ต้องเยียวยาเพิ่ม ฉะนั้นจะต้องไม่โฟกันที่เยียวยา แต่ต้องโฟกันว่าทำไงให้อยู่รอดได้ มีการจ้างงานต่อไป ทั้งนี้รู้กันดีว่าเมื่อเอสเอ็มอีทุนน้อย ธนาคารส่วนใหญ่ จะโฟกัสธุรกิจใหญ่ เมื่อเศรษฐกิจลงลึกมาเท่าไหร่ยิ่งไม่กล้าปล่อยสินเชื่อมากเท่านั้น เพราะกลัวธนาคารจะเป็นปัญหา ทั้งที่หนี้เสียไม่ได้มาจากความผิดของนักธุรกิจ แต่เป็นเพราะไม่สามารถช่วยเขาตั้งแต่ต้น ถ้ายังเป็นอย่างนี้ ไม่ช่วยแต่ต้นทุกธนาคารจะลำบาก เพราะไม่มีทางที่จะอุ้มชูด้วยสินเชื่อลูกค้าที่มี ถ้าเศรษฐกิจข้างนอกมีปัญหา มันจะพันกันทั้งหมด โดยต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะธนาคารรัฐ ส่วนธนาคารเอกชนไม่พูดถึง เพราะเป็นสิทธิ์ของการทำธุรกิจ ธนาคารรัฐมีคลังถือหุ้นใหญ่ ถ้ายังไม่ช่วยกันจะลำบากมากๆ ดังนั้นแนวคิดที่คุยกับ นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลังคือ เอสเอ็มอีมีปัญหาสารพัด แต่ว่าหน่วยงานที่ต้องเป็นด่านแรกอุ้มชูคือ สสว.