เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 2 แถลงว่า ตนได้ฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.กลาง ทั้ง 7 คน ข้อหาปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 เนื่องจากบุคคล ทั้ง 7 คนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการจัดการเลือกตั้งให้เสุจริตเที่ยงธรรม และต้องใช้อำนาจหน้าที่อย่างกล้าหาญ ปราศจากอคติ และการใช้ดุลยพินิจต้องเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ตามรัฐธรรมนูญ  พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.  และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 กกต.ได้สมคบคิดใช้อำนาจหน้าที่ทุจริต มีอคติ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ ไม่มีข้อเท็จจริงและเหตุผลรองรับอันเป็นการใช้อำนาจช่วยผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยชนะการเลือกตั้งในเขต 2 พัทลุง แทนที่จะใช้อำนาจตามกฏหมายจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะมีหลักฐานปรากฏชัดว่าเต็มไปด้วยการทุจริตและมีการซื้อเสียง ไม่เที่ยงธรรมและชอบด้วยกฏหมาย สร้างผลเสียหายร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทำให้ตนได้รับความเสียหาย          “การกระทำของกกต.ทั้ง7คน ในการใช้ดุลยพินิจไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความสมเหตุสมผล และเป็นการใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจจนล้นนอกเขตของความชอบด้วยกฏหมายรัฐธรรมนูญ ทุจริตตามนัยะคำพิพากษาศาลฏีกาที่ 3509/2549นอกจากนี้ยังเป็นการทำลายและบั่นทอนระบอบประชาธิปไตย หากปล่อยให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจะเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่ทุจริตและเข้าไปแสวงหาอำนาจได้ประโยชน์ สร้างความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง” นายนิพิฏฐ์ กล่าว   นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของ 7 กกต. เนื่องจากตนได้ยื่นร้องเรียนการทุจริตทั้ง 4 เรื่อง คือ 1.กกต.จังหวัดชี้ว่ามีการซื้อเสียงจริง แต่ภายหลังพยานได้กลับคำให้การเป็นการให้เงินหลานไปซื้อน้ำมันพืช และยกคำร้อง 2.มีบัญชีรายชื่อพิสูจน์ชัดเจนว่ามีการซื้อเสียง พร้อมมีคลิปว่ามีชาวบ้านเดินเขาไปรับเงินให้เลือกเบอร์ 9 แต่กกต.กลับยกคำร้องอ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นบัญชีอะไรและไม่ทราบว่าเป็นเงินสำหรับใช้ทำอะไร เพราะไม่ได้ยินเสียงชัดเจนว่าพูดอะไร ทั้งที่ความจริงคลิปดังกล่าวเสียงชัดเจนมาก รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 3.ในไลน์ “กลุ่มเพื่อนนายฉลอง”สั่งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถ่ายบัตรประชาชน 35,000 ใบทั่วเขตเลือกตั้งแลกกับการจ่ายเงินให้ประชาชนหัวละ 500 บาท แต่มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งบอกว่าไม่สามารถทำตามได้ เพราะต้องวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้ง ทำให้สารวัตรกำนันคนหนึ่งลบชื่อผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวออกจากกลุ่มไลน์ ซึ่งในการสอบสวนของกกต.มีการอ้างว่าได้เชิญผู้ใหญ่บ้านรายดังกล่าวมาให้การ ซึ่งระบุว่าเป็นการสำรวจคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย โดยกกต.เชื่อข้ออ้างดังกล่าวและยกคำร้อง ทั้งที่ความจริงการสำรวจคะแนนนิยมจะไม่ใช้เจ้าหน้าที่ไปทำในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ตนได้โต้แย้งว่าหากเป็นการสำรวจคะแนนนิยมจริงทำไมต้องลบชื่อผู้ใหญ่บ้านที่วางตัวเป็นกลางออกจากกลุ่มำลน์   อีกทั้งพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ห้ามไม่ให้ทำ และ 4. ในกลุ่มไลน์บอกว่าถ้าโดนจับได้ให้บอกว่า เป็นเงินซื้อเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อไปร้องกกต.จังหวัดว่าเป็นการใส่ร้ายคะแนนนิยมทั้งของตนและพรรค แต่กกต.ให้ดำเนินคดีกับผู้เขียนไลน์เท่านั้น ทั้งที่ตามปกติต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากเกิดความไม่สุจริต “ผมเปิดเผยข้อมูลเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะผมไม่เชื่อว่าคนที่ให้ข้อมูลจะซื่อตรง ผมมีข้อมูลมากกว่านั้น ถ้ากกต.รู้ว่าในมือผมมีข้อมูลมากกว่านั้น กกต.จะหนาว แต่ผมไม่เปิดเผยวันนี้ ผมเคยทำคดีฟ้องกกต.ชุดพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตปธ.กกต.จนติดคุกมาแล้ว แต่ครั้งนี้ผมมั่นใจถ้ามีข้อมูล 50-50ผมไม่ทำ เพราะถ้าไม่มั่นใจเขาฟ้องผมได้ เรื่องอะไรผมจะติดคุกตอนแก่ และผมรู้ว่ากกต.ติดคุกเพราะอะไร ดังนั้น ขอยืนยันด้วยศักดิ์ศรีของทนายความและนักการกฏหมายตลอดชีวิตของผม ว่า เรื่องนี้มีพยานหลักฐานหนักแน่นมากกว่าคดีชุดพล.ต.อ.วาสนา เคยติดคุกมาแล้ว และผมจะทำคดีนี้ให้ถึงที่สุด กกต.ไม่ใช่ลูกผู้ชาย เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นการซื้อเสียงจริง แล้วคุณเสือกบอกว่าเป็นน้ำมันพืชคุณต้องติดคุกให้ผม เดิมพันกัน และถ้าคุณเชื่อว่าพยานใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์จริง และดำเนินคดีเขา แต่ทำไมคุณไม่เลือกตั้งใหม่ และที่คุณอ้างว่าเป็นเงินซื้อน้ำมันทำไมคุณไม่ฟ้องผม มันเป็นตรรกะ” นายนิพิฏฐ์ กล่าว นายนิพิฏฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การยื่นฟ้องครั้งนี้ต้องการให้กกต.มีมาตรฐาน เพราะที่ผ่านมาไม่มีมาตรฐานเลย และพฤติกรรมเลวร้ายกว่าชุดพล.ต.อ.วาสนา เสียอีก แต่ที่ตนโกรธมาก คือ กกต.ได้รับการโปรดเกล้าฯจากพระเจ้าอยู่หัวด้วยความไว้วางพระราชหฤทัย ดังนั้น จะต้องสะอาด ถ้าไม่สุจริต ทำงานไม่ได้ แต่นักการเมืองพรรคอ่อนแอ สีดำ สีเทา มีการทุจริตจึงไม่กล้าฟ้อง ตนแนะให้ดูว่าประธานหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.)ของกกต. ว่าใครเป็นประธานพตส. ซึ่งก็คือหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง