นายสรรเสริญ สมะละภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้รับมอบหมายจาก รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้ร่วมหารือกับเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ที่ได้มาเข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยการหารือครั้งนี้ ไทยและอินโดนีเซียจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 นายสรรเสริญ กล่าวว่า ไทยได้ขอให้อินโดนีเซียช่วยอำนวยความสะดวกการออกใบอนุญาตการนำเข้าผลไม้จากไทย โดยเฉพาะลำไย ซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกสำคัญของไทย เนื่องจากผู้นำเข้าผลไม้ไทยในอินโดนีเซียเห็นว่ากระบวนการออกใบอนุญาตยังคงมีความล่าช้า และมีผู้นำเข้าเพียงไม่กี่รายที่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งอินโดนีเซียรับจะติดตามปัญหานี้ พร้อมทั้งเสนอให้ใช้เวทีความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่ เป็นกลไกหารือเพื่อแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังแจ้งข่าวดีว่าได้ขยายระยะเวลาการผ่อนปรนข้อจำกัดการนำเข้าสินค้าเกษตรและวัตถุดิบต่างๆ อาทิ การยกเลิกใบอนุญาตนำเข้าสำหรับกระเทียมและหอมหัวใหญ่ ที่อินโดนีเซียประกาศบังคับใช้เป็นการชั่วคราวในช่วงการระบาดของโควิด-19 ไปอย่างไม่มีกำหนด ยกเลิกจากเดิมที่จะสิ้นสุดมาตรการในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยลดต้นทุนให้กับสินค้าเกษตรจากไทย รวมทั้งผู้ประกอบการในอินโดนีเซียเอง และยังสนับสนุนการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคอีกด้วย นายสรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือความร่วมมือเรื่องการค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นรูปแบบการค้าที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยไทยได้นำเสนอช่องทาง www.thaitrade.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กระทรวงพาณิชย์พัฒนาขึ้น โดยรวบรวมสินค้าจากผู้ส่งออกไทยที่มีคุณภาพสูงกว่า 10,000 ราย และครอบคลุมสินค้าหลากหลายกลุ่ม เพื่อเป็นช่องทางการค้าออนไลน์อีกหนึ่งทางเลือก ในการเลือกซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภคของอินโดนีเซีย ทั้งนี้ อินโดนีเซียแจ้งว่ากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ในลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มของไทยได้ "การหารือครั้งนี้ทำให้เห็นถึงแนวทางที่จะพัฒนาความร่วมมือกับอินโดนีเซีย ที่จะช่วยสนับสนุนการค้าของไทย และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเกษตรกร ให้สามารถขยายการส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียได้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลักดันความร่วมมือกับอินโดนีเซียเรื่องการจัดทำการยอมรับด้านมาตรฐานการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตร รวมถึงเชื่อมโยงสินค้าเกษตรศักยภาพของไทยเข้าสู่แพลตฟอร์ม www.thaitrade.com ที่อาจพัฒนาให้เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ของอินโดนีเซียได้ในอนาคต เพื่อเพิ่มช่องทางเข้าสู่ตลาดต่างประเทศให้กับผลิตภัณฑ์เกษตรของไทยตามนโยบาย “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงฯ" ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในอาเซียน (รองจากมาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์) และเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทยในโลก โดยในปี 2562 ไทยและอินโดนีเซียมีมูลค่าการค้ารวม 16,330 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอินโดนีเซียมูลค่า 9,098 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอินโดนีเซียมูลค่า 7,232 ล้านเหรียญสหรัฐ