“พปชร.” มั่นใจ “บิ๊กป้อม” นั่งหัวหน้านำทัพรับใช้ประชาชน พร้อมดึง “คนรุ่นใหม่-รุ่นเก๋า” ฟื้นฟูประเทศกลับมาเข้มแข็ง “ธนกร” ประกาศทิ้งตำแหน่งโฆษกพปชร.ลุยงานเลขาขุนคลังช่วย “บิ๊กตู่”ต่อ ด้าน“สุวัจน์”มั่นใจ “บิ๊กป้อม” ช่วยประสานทุกพรรคทำงานฝ่าวิกฤติ “โควิด-ศก.”ราบรื่น ส่วน “เทพไท” เชื่อ “บิ๊กป้อม” มือประ สานภายใน-พรรคร่วมรบ.แน่นปึ้ก “นิด้าโพล” เผยปชช.หนุน“บิ๊กตู่ นั่งนายกฯ ต่อ ชี้บริหารงานดี ซื่อสัตย์ “คุณหญิงหน่อย” ติดโผปชช.ชื่นชอบ-มีประสบการณ์” ขณะที่“ปชป.”จัด 23 ขุนพลถกงบปี 64 พร้อมวางกรอบอภิปราย 5 ประเด็น หวังรบ.ใช้เงินคุ้มค่ามากที่สุด “ชวน” ชี้ธุรกิจการเมือง ทำลายระบอบปชต.ใครมีเงินก็ชนะเลือกตั้ง แนะเร่งสร้างภูมิคุ้มกันก่อนประเทศชาติล่มสลาย เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.63 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ว่า ถือเป็นประชาธิไตยในพรรคที่สมบูรณ์แบบ โดยพล.อ.ประวิตรพร้อมเดินหน้าทำงานทัน ที เชื่อมั่นว่าท่านจะนำพาพรรคยุคใหม่ รับใช้ประชาชน ฟื้นฟูประเทศชาติให้กลับมาเข้มแข็ง เจริญก้าวหน้า ภายใต้การจับมือกันของสมาชิกที่อยู่ในฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้ได้มอบนโยบายหลักให้ส.ส. และอดีตผู้สมัครของพรรคลงพื้นที่ใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อนำปัญหามารายงานต่อหัวหน้าพรรค หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และจะสามารถช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “พล.อ.ประวิตรท่านพร้อมทำงานทันที และเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมเสริมทัพคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพิ่มเติม ควบคู่กับผู้มีประสบการณ์สูงภายในพรรค เพื่อให้พรรคทำงานแบบทันสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ท่านได้กำชับให้ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรค ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างหนัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งจากนี้ไปเป็นช่วงสำคัญของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรคจะต้องทำงานอย่างหนักในการช่วยกันให้ประชาชนเข้าถึงโครงการต่างๆ ให้มากที่สุด เต็มความสามารถเพื่อเติมเต็มให้โครงการต่างๆ ของรัฐบาลประสบความสำเร็จ” น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า หัวหน้าพรรคยังได้ย้ำให้สมาชิก มีความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อให้พรรคมีความเข้มแข็ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้ได้ ตนเชื่อว่า หัวหน้าพรรคจะทำให้รัฐมนตรีของพรรค ทำงานร่วมกันกับส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรคได้อย่างเป็นเอกภาพ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของพรรค ยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ" ระบุว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำหน้าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ท่านอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค ท่านสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ อดีตเลขาธิการพรรค ที่ให้โอกาสผมทำหน้าที่มาตลอดระยะเวลา 1 ปี ขอบคุณส.ส.พรรคพลังประชารัฐทุกคน ที่สำคัญขอบคุณพี่น้องคนไทยทั่วประเทศที่ให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วย “การเป็นกระบอกเสียงของพรรคนั้น มีหน้าที่ในการป้องกันส่วนได้ส่วนเสียของพรรค มีหน้าที่ในการชี้แจงข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนทราบและเข้าใจ โดยเฉพาะนโยบายหรือการทำงานของพรรคและรัฐบาล บางครั้งอาจกระทบกระทั่งกันบ้างในทางการเมือง แต่ไม่ใช่ส่วนตัว ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย” นายธนกร ระบุด้วยว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา นอกจากพรรคแล้ว ผมก็ทำหน้าที่ปกป้อง"ลุงตู่" เพราะผมเชื่อมั่นว่า"ลุงตู่"มีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะฉะนั้นผมจะทำตามที่ผมเชื่อมั่นและศรัทธา จะช่วย"ลุงตู่"ต่อไป จนกว่า"ลุงตู่"จะไม่ใช้ผม ส่วนการทำงานในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผมจะทำต่อไปให้ดีที่สุด เพราะวันนี้พี่น้องประชาชนยังเดือดร้อนจากผลกระทบโควิด-19 อย่างมาก “กระทรวงการคลังยังต้องทำงานในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมต่อไป ที่ผ่านมาการจ่ายเงินเยียวยาพี่น้องประชาชนกว่า 15 ล้านคน ผ่านโครงการเราไม่ทิ้งกันถือว่ากระทรวงการคลังทำได้ดีมาก และเราจะทำโครงการก้าวต่อไปเราไม่ทิ้งกันด้วย ทั้งนี้ การเมืองยุค new normal นั้น หลายสิ่งหลายอย่างต้องปรับตัว ไม่เช่นนั้นอนาคตจะไล่ล่าคุณ ตัวผมเองคงต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน เพื่อให้เป็นที่รัก ศรัทธา และน่าเชื่อถือในสายตาของพี่น้องประชาชน” ขณะที่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรค พล.อ ประวิตร และผู้บริหารพรรคชุดใหม่ จะสามารถสร้างความเข้มแข็งมั่นคงให้กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรคมากที่สุดที่เคยมีมา และเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ของรัฐบาลก็ไม่มากนัก ความเป็นปึกแผ่นและความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ท่านหัวหน้าพรรค “พล.อ ประวิตรเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลให้ความเคารพนับถืออยู่แล้ว รวมทั้งประสบการณ์ด้านการบริหารที่ผ่านมา ท่านสามารถที่จะประสานการทำงานร่วมกันของทุกพรรคให้เกิดความเรียบร้อยตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนัก ซึ่ง การยอมรับ และความร่วมมือจากทุกฝ่าย จะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญให้ ที่ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ ประสบความสำเร็จ ในการนำพาประเทศชาติและประชาชนฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจไปได้” นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพล.อ. ประวิตร ในฐานะส่วนตัวที่คุ้นเคยกันรู้จักมานาน และเคยอนุมัติให้ตนเข้าเรียนวปอ.เมื่อปี 52 ซึ่งเชื่อว่าพล.อ.ประ วิตรจะใช้ความรู้ความสามารถนำพาพรรคได้ เพราะเป็นมือประสานที่ดีคนหนึ่ง พรรคพลังประชารัฐที่มาจากหลายกลุ่มก้อนต้องอาศัยคนมือถึง มีคอนเน็คชั่นเป็นที่เคารพของคนทั้งพรรคและหวังว่างานในสภาฯราบรื่นขึ้น เอกภาพ ในพรรคพลังประชารัฐน่าจะดีขึ้น นายเทพไท กล่าวว่า การที่พล.อ.ประวิตรรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้ความสัมพันธ์ภายในรัฐบาลดีขึ้น เพราะเป็นผู้จัดการรัฐบาลอยู่แล้ว และจะมีเอกภาพมากขึ้น ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องผ่านคนอื่น ส่วนการปรับ ครม. น่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องดูสัญญาจากนายกฯ และพล.อ.ประวิตรหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่ง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาท ว่า มี ส.ส.จำนวน 23 คน สนใจอภิปรายกรอบ และแนวทางการจัดทำงบฯ โดยมี 5ประเด็น ที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องการจัดงบประมาณควรเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ควรจัดสรรงบฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเพื่อช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านพ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับและพ.ร.ก.โอนงบ ปี 63 ที่ผ่านสภาไปแล้ว สำหรับแนวทางการอภิปรายของส.ส.จะเน้นอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งจะชี้ให้เห็นว่าการจัดสรรงบฯ เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่ ควรมีการปรับปรุงอย่างไร เพื่อให้ตรงจุด คุ้มค่ากับการใช้จ่ายงบฯมากที่สุด โดยพรรคได้เตรียม ส.ส. จำนวน 6 คน เพื่อทำหน้าที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ด้วย ส่วน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวให้โอวาทกับข้าราชการรัฐสภา เนื่องในโอกาสครบ 88 ปี รัฐสภา ว่า เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านดีและด้านลบในระบอบประชาธิปไตยและระบอบรัฐสภาไทย ซึ่งถือว่าไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ได้เห็นความตื่นตัวของประชาชนเรื่องประชาธิปไตยชัดเจนขึ้นในทุกลำดับ เป็นไปตามสถานการณ์และการแสดงออก ส่วนปัญหาการทุจริตทั้งจากข้าราชการและนักการเมืองนั้น แม้บุคคลนั้นๆ จะจบการศึกษาสูงๆ และมีกฎหมายที่ดีคอยควบคุม แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาอยู่ที่ภาคปฏิบัติ คือพฤติกรรมของตัวบุคคล ปัจจุบันพบว่ามีธุรกิจการเมืองเกิดขึ้น มีการซื้อเสียงที่หวังเข้ามาหาทุนคืน ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งใครมีเงิน ก็ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ จึงได้ของบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันพระปกเกล้า เขียนหลักสูตรสร้างการเมืองที่สุจริต เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกส่วนได้ศึกษาและเป็นภูมิต้านทานป้องกันปัญหาธุรกิจการเมือง แม้จะทำได้ยากจริงในยุคนี้ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ขณะที่ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2” โดยเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ในวันนี้ พบว่า 6 อันดับแรก ร้อยละ 44.06 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ร้อยละ 25.47 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะบริหารงานดีอยู่แล้ว ทำงานตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์ บ้านเมืองสงบไม่วุ่นวายช่วยเหลือประชาชนได้จริง และอยากให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ร้อยละ 8.07 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะมีประสบการณ์การทำงาน การบริหารงานที่ผ่านมาได้ดี พูดจริง ทำจริง และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ร้อยละ 7.03 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 4.57 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริง ทำจริง มีความซื่อสัตย์ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และร้อยละ 3.93 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะอยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ และชื่นชอบนโยบายพรรค ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ คะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 1 เดือนธ.ค.2562 พบว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ , นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล , นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา , นายชวน หลีกภัย , หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล และนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา มีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส, นายกรณ์ จาติกวณิช , นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ , นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ , นายอุตตม สาวนายน ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า ร้อยละ 32.38 ไม่สนับสนุนพรรค การเมืองใดเลย ร้อยละ 20.70 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 15.73 พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 13.47 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 7.75 พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.42 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ ร้อยละ 2.50 พรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 1.43 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 1.11 พรรคกล้า ร้อยละ 0.60 พรรคเพื่อชาติ ร้อยละ 0.36 พรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 0.20 พรรคเศรษฐกิจใหม่ ร้อยละ 0.16 พรรคประชาชาติ ร้อยละ 0.11 พรรคชาติพัฒนา ร้อยละ 0.08 พรรครวมพลังประชาชาติไทย ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจครั้งที่ผ่านมา พบว่าพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนตามลำดับ คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคประชาชาติ