ระบุไม่มีหลักฐานยืนยันสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยรุนแรงน้อยกว่าต่างประเทศ ที่ยันอยู่ได้ด้วยคนไทยช่วยกันตั้งการ์ดสูง แต่ห้ามตกเด็ดขาด พร้อมต้องเร่งตรวจเชิงรุก ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุ “โคโรนาไวรัสมีการเตรียมตัวอย่างเนิ่นนานมาตลอดก่อนที่จะเป็นโควิด-19 (ข้อมูลที่เคยเผยแพร่ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม 2563 ตามลำดับจนปัจจุบัน) หลักฐานต่างๆเช่น 1-ตั้งแต่ปี 2004 มีการศึกษาในค้างคาวและพบว่ามีไวรัสอยู่มากกว่าหนึ่งตัวซึ่งทำให้พร้อมผสมควบรวมกันแปลงร่างใหม่ 2-โคโรนาไวรัสประจำถิ่นในมนุษย์มีการพัฒนาตนเองในทางดุร้ายขึ้น NL63 0C 43 ทำให้เกิดมีสมองอักเสบอย่างรุนแรงได้ ทั้งๆที่ควรจะมีอาการเพียงแค่เป็นหวัดเล็กๆน้อยๆ 3-ตั้งแต่ปี 2016 พบว่าเด็ก ที่ป่วยด้วยอาการติดเชื้อทางเดินหายใจหรือด้วยอาการทางสมองถ้าเกิดจากโคโรนาไวรัส (ไม่ได้ระบุ ชนิด เนื่องจากเป็นการตรวจหาภูมิตอบสนองทางเลือด) จะมีอาการรุนแรงมากกว่าที่เกิดจากเชื้ออื่นๆ (พบว่าเกิดจากโคโรน่าไวรัส ประมาณ 10%) และในการวิเคราะห์การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจะมีหลักฐานของมรสุมภูมิวิกฤติด้วย แบบที่เจอในโควิด-19 โดยโควิด-19 รุนแรงกว่ามาก การเตรียมการของไวรัสนั้นมีมานานจนปัจจุบันที่เห็น และกลไกในการติด การลดระบบต่อต้านป้องกันภัยของมนุษย์และเมื่อไวรัสตั้งตัวได้ (ในเซลล์มนุษย์ จะเพิ่มจำนวนพร้อมกับกระตุ้นให้มีการอักเสบอย่างรุนแรงเกิดขึ้นทั้งมรสุมภูมิวิกฤติระดับที่หนึ่ง Innate และถ้ารอดไปได้สามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดวิกฤตระดับที่สองจากระบบภูมิคุ้มกัน adaptive ที่ยังไปทำลายตนเองต่อทำให้เกิดเป็นเส้นประสาทอักเสบและสมองอักเสบแบบต่างๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้จนกระทั่งถึงปัจจุบันรวมกระทั่งถึงการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสที่มีในประเทศไทยไม่ได้มีสิ่งบอก เหตุใดๆว่าโคโรนาไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยนั้นมีความร้ายกาจ น้อยกว่าต่างประเทศ ทั้งนี้เป็นเพราะ วินัยของคนไทยที่ทำให้ยันอยู่ได้ และไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ที่จะทำให้เราขาดวินัยโดยคิดว่าเชื้อจะต้องมาจากต่างประเทศอย่างเดียวเท่านั้น เรายังคงต้องรักษาวินัยอย่างเคร่งครัดอยู่ตลอด และการตรวจเชิงรุกต้องทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้เพื่อคงสภาพไม่ให้มีการระบาดซ้ำเติมขึ้นใหม่”