นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (26 มิ.ย.63) มีการประชุมคณะกรรมการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน หรือ PPP ซึ่งได้รับทราบถึงปัญหาความล่าช้าของโครงการต่างๆในการลงทุน ที่ชะลอออกไปจากปัญหาโควิด-19 จึงได้เร่งผลักดันให้ทุกรัฐวิสาหกิจต้องพยายามให้โครงการที่จะดำเนินการในปี 2563 ดำเนินการให้ได้ แม้จะล่าช้าแต่ไม่ควรข้ามปี และทุกโครงการจะต้องชี้แจงสาเหตุของความล่าช้าในแต่ละโครงการลงทุนได้ ทั้งนี้โครงการที่สำคัญในการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน มี 18 โครงการ มูลค่า 472,000 ล้านบาท ซึ่งมีโครงการล่าช้า รวม 10 โครงการ สูงสุดคือโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่มีมูลค่าการลงทุน 200,000 กว่าล้านบาท เพราะต้องรอวัสดุอุปกรณ์จากประเทศจีน "ที่ประชุมPPP หวังเร่งรัดการลงทุนโครงการสำคัญที่ผ่านการศึกษาพิจารณาหรืออนุมัติไปแล้ว เพราะส่งผลต่อการจ้างงานและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบ หลังจากได้จ่ายเงินเยียวยาให้กับหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ซึ่งธ.ก.ส. โอนเงินให้เกือบครบแล้วประมาณ 72,000 ล้านบาท จำนวน 7.8 ล้านราย" ส่วนกระแสข่าวปรับ ครม. และทีมเศรษฐกิจ นั้น นายสมคิดยังคงเดินสายมอบนโยบายให้กับหลายหน่วยงาน เพื่อเร่งรัดฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะมอบหมายให้ ธ.ก.ส. ร่วมกับหลายหน่วยงาน ฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคชนบทดูแลคนตกงานที่กลับไปอยู่บ้านในต่างจังหวัด อีกทั้งมอบนโยบายให้กับกระทรวงพลังงาน เร่งรัดให้ ปตท. และ กฟผ. เร่งลงทุนตามแผน 3 ปี ใช้เงินกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน ช่วยเหลือท่องเที่ยวชุมชน และในวันสัปดาห์หน้าหน้า เตรียมมอบนโยบายให้กับผู้บริหาร สสว. หลังได้เสนอของบฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก จำนวน 50,000 ล้านบาท เพื่อนำมาตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีตัวเล็ก